พิพิธภัณฑ์สงคราม
(War Remnants Museum)
พิพิธภัณฑ์สงคราม (War Remnants Museum)
ภายในอาคารของพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องมือการรบ และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง
ๆ ในสมัยสงครามเวียดนามมีทั้งของจีน สหรัฐอเมริกา พร้อมภาพถ่ายที่ถ่ายทอดความรู้สึกที่เกี่ยวกับการปกป้องประเทศ
การเสียสละเลือดเนื้อของชาวเวียดนามหลายอย่าง ชัดเจน อาทิ
ภาพการถูกทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ เป็นต้น ภายนอกตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์สงครามมีเครื่องบิน
และรถถังรุ่นที่ใช้ในสงครามเวียดนามของ สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย
จัดวางเรียงรายอยู่โดยรอบบริเวณพิพิธภัณฑ์
จัตุรัสโฮจิมินห์ (Tran Nguyen Hai Statue)
จัตุรัสโฮจิมินห์ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์
จุดเริ่มต้นของการเดินทางท่องเที่ยวในเมืองโฮจิมินห์ แนะนำให้มาเริ่มตรงใจกลางแห่งนี้
เพราะสามารถไปยังจุดอื่นๆ ได้ง่าย โดยจุดนี้จะมีรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์
กับเด็กๆ ด้านหลังเป็นศาลาว่าการเมือง ซึ่งดูแปลกตาในสไตล์ฝรั่งเศส
ถ้ามองจากตรงนี้สามารถมองให้เห็นถึงความจอแจของเมืองใหญ่
เพราะที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของเมืองแล้ว ยังเป็นศูนย์กลางของการค้าอีกด้วย
คล้ายกับสีลมของเมืองไทย แต่รถไม่ติดเพราะที่เมืองนี้มีรถยนต์น้อย
มีรถมอเตอร์ไซด์มากกว่า เวลาข้ามถนนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ตลาดเบนถั่น (Ben Thanh Market)
ตลาดเบนถั่น ตั้งอยู่บนถนนเลเลย (Le Loi) ใกล้ๆ กับจัตุรัสโฮจิมินห์
ได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2457 บนพื้นที่ประมาณ
1 ตารางกิโลเมตร ซึ่งมีหอนาฬิกาอยู่ด้านหน้าเป็นสัญลักษณ์
ตลาดแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งจากคนพื้นเมืองและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เพราะมีสินค้าจำหน่ายมากมายทั้งเสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง
เป้ นาฬิกา ของที่ระลึก อาหาร เครื่องเทศ ไปจนถึงอาหารสด
และดอกไม้ ราคาไม่แพง
โรงละครโอเปร่าเฮ้าส์ (Opera House)
โรงละครโอเปร่าเฮ้าส์ ตั้งอยู่บนถนนเลเลย สร้างในปี พ.ศ.
2402 เพื่อใช้แสดงอุปรากร แต่ได้ถูกใช้ให้เป็นสำนักงานใหญ่ของสภาแห่งชาติเวียตนามใต้
แต่ทุกวันนี้ก็ใช้งานเหมือนเดิม ทุกๆ สัปดาห์จะมีการแสดงแตกต่างกันออกไป
ช่วงเวลากลางคืนชาวเวียตนามยังมีความเคลื่อนไหวอย่างร่าเริงด้วย
โดยเฉพาะบริเวณลานน้ำพุ ที่จะมีชาวเวียตนามและชาวต่างชาติมานั่งพักผ่อนกันทุกคืน
และสุดลานน้ำพุมองออกไปจะเป็นที่ตั้งของโรงละคร ที่ชาวเวียตนามออกเสียงว่าโรงละครยาฮดแถงห์โฝ
(Nha hat Thanh Pho) ซึ่งหันหน้าออกถนนดงเค่ย ระหว่างโรงแรมคาราเวลล์และโรงแรมคอนติเนนตัล
โบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral)
โบสถ์นอร์ทเธอดาม ตั้งอยู่บริเวณกลางเมือง บนถนน Han Thuyen
ได้รับการก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2420 ใช้ระยะเวลาการสร้าง
6 ปี โบสถ์นี้ไม่มีการประดับด้วยกระจกสีเหมือนโบสถ์คริสต์ที่อื่น
เพราะได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับโบสถ์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวียตนาม
โดยในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมาย ลักษณะของตัวโบสถ์เป็นรูปแบบของสมัยอาณานิคม
มีหอคอยคู่สี่เหลี่ยมอยู่ด้านบนสูง 40 เมตร เป็นเอกลักษณ์ที่งดงามของโบสถ์แห่งนี้
ด้านหน้าโบสถ์มีรูปปั้นขนาดใหญ่สีขาวเด่นเป็นสง่าของพระแม่มารี
นักท่องเที่ยวนิยมเข้ามาชมกันมาก เพราะเป็นเสมือนสัญลักษณ์ร่วม
อันหมายถึงการเข้ามาของตะวันตก และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของโฮจิมินห์
ไปรษณีย์กลาง (Main Post Office)
ไปรษณีกลาง ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์ ใกล้กับโบสถ์นอร์ทเธอดาม
ได้รับการก่อสร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ. 2439 เสร็จในปี พ.ศ.
2444 มีการออกแบบและก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศสและได้รับการออกแบบตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระจกสี
เป็นไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียตนาม มีความโอ่โถงและอ่อนช้อยทว่ามั่นคง
จนทำให้นักออกแบบมากมายต้องมาศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับการออกแบบตกแต่งอาคารแห่งนี้
ภายในตัวอาคารมีการระดับภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และภาพของอดีตผู้นำประเทศโฮจิมินห์
มีการบริการทั้งการส่งจดหมาย แสตมป์เพื่อการสะสม โปสการ์ด
โทรศัพท์ระหว่างประเทศในอัตราค่าบริการมาตรฐาน
สวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์ (Zoo & Botanic Gardens)
สวนสัตว์และสวนพฤษศาสตร์ ตั้งอยู่สุดถนนเลหย่วน สามารถนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างหรือเดินไปก็ได้
สถานที่นี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2407 มีต้นไม้ใหญ่มากมาย และมีการจัดแต่งสวนเป็นอย่างดี
มีสวนกล้วยไม้เก็บรวบรวมชนิดพรรณพื้นเมืองไว้พอสมควร หากต้องการพักผ่อนในที่ที่ร่มรื่นแนะนำให้ไปที่สวนถ่าวกัมเวียน
(Thao Cam Vien) หรือสวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งเป็นทางเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับหลบหลีกจากความอึกทึกวุ่นวายตามท้องถนนและเป็นสถานที่ที่เงียบสงบมากที่สุดในโฮจิมินห์ซิตี้
จุดที่ไม่ควรพลาดอีกจุดหนึ่งคือ ด้านหน้าทางเข้ามีช้างหล่อตัวหนึ่ง
ได้รับการพระราชทานจากระเจ้าอยู่หัวของไทยในสมัยนั้นครั้งเมื่อไปเยือนประเทศอินโดจีน
ได้มีการจารึกเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษไว้ที่แท่นด้านหน้าว่า
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
แห่งกรุงสยาม พระราชทานไว้ให้เป็นที่ระลึก ในการที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังประเทศอินโดจีนเป็นครั้งแรก
เสด็จพระราชดำเนินขึ้นที่เมืองไซ่ง่อน เมื่อวันที่ 14 เมษายน
พ.ศ. 2473 ด้านในสวนพฤษศาสตร์มีสัตว์ให้ชมอยู่หลายประเภท
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (History Museum)
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ ตั้งอยู่ใกล้กับ สวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์
สร้างโดยฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2470 เป็นตึกทรงยุโรปที่งดงามมากอีกแห่งหนึ่ง
ชาวเวียตนามเรียกตึกนี้ว่า เวียนบ่าวตางหลิกสือ (Vien Bao
Tang Lich Su) ที่นี่มีโบราณวัตถุที่แสดงถึงวิวัฒนาการของวัฒนธรรมต่างๆ
ในเวียตนาม ตั้งแต่อารยธรรมยุคสำริดดงเซิน ไปจนถึงอารยธรรมฟูนัน
จาม และเขมร ในบรรดาสิ่งที่จัดแสดงไว้มีโบราณวัตถุยุคหิน
สำริด ศิลาจารึก กลองมโหระทึก เครื่องปั้นดินเผางานศิลปะของชาวจาม
และเครื่องแต่งกายพื้นเมืองของชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆ บนชั้นสามทางด้านหลังของอาคารมีห้องสมุดวิจัยที่เก็บรวบรวมหนังสือจากยุคฝรั่งเศสที่น่าสนใจไว้เป็นจำนวนมาก
พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ (Ho Chi Minh Museum)
พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไซ่ง่อนและแม่น้ำเบนเหง่
สามารถนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างหรือแท็กซี่ ห่างจากใจกลางเมืองเพียง
5 กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.
2406 และต่อเนื่องผูกพันกับโฮจิมินห์ในวัยหนุ่มมาก จนไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศสและกลับมาอีกครั้ง
ก่อนจะนำประเทศเข้าสู่การปฏิวัติและการขับไล่ชาติตะวันตกรวมถึงการรวมเวียตนามเหนือและเวียตนามใต้ให้เป็นประเทศเวียตนาม
พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ เป็นสถานที่จัดแสดงเรื่องราวส่วนตัวของอดีตผู้นำประเทศเวียตนาม
และการต่อสู้เพื่อเรียกร้องเสรีภาพกับชาติตะวันตก และต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยของคนในชาติอีกด้วย
มีการจัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ไว้เป็นหมวดหมู่น่าสนใจ สำหรับอาคารพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์นี้
มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า บ้านมังกร พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ก็เป็นเสมือนสถานที่ส่วนตัวทั่วๆ
ไป ทุกห้องทุกชั้นมีเฉพาะเรื่องราวของเจ้าของบ้านเต็มไปหมด
มีการจัดอย่างเป็นระเบียบ มีการแบ่งหมดหมู่อย่างชัดเจน อาคารนี้มี
2 ชั้น บนระเบียงชั้นสอง สามารถมองเห็นสายน้ำไซ่ง่อนได้เป็นอย่างดี
มีเรือบรรทุกสินค้าลำใหญ่จอดอยู่มากมาย
ทำเนียบประธานาธิบดี (Reunification Palace)
ทำเนียบประธานาธิบดี ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองโฮจิมินห์
ทำเนียบของอดีตประธานาธิบดี ปัจจุบันเรียกกันว่าทองยัด และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย
อาคารทันสมัยหลังใหญ่นี้รายรอบด้วยสวนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณที่เคยเป็นทำเนียบของผู้ว่าการชาวฝรั่งเศสที่เรียกว่า
ทำเนียบนโรดม (Norodom Palace) ซึ่งมีอายุย้อนหลังไปถึงปี
พ.ศ. 2411 หลังจากที่ข้อตกลงเจนีวานำจุดจบมาสู่การยึดครองของฝรั่งเศส
โงดินห์เดียม ประธานาธิบดีของเวียดนามใต้ได้พำนักอยู่ในทำเนียบแห่งนี้
ในปี พ.ศ. 2506 ทำเนียบนี้ถูกทิ้งระเบิดโดยทหารอากาศเวียตนาใต้และได้มีการสร้างอาคารใหม่ที่รู้จักกันในชื่อ
ทำเนียบอิสรภาพ (Independence Palace) ขึ้นแทนที่โครงสร้างเก่าถูกทำลาย
อาคารปัจจุบันออกแบบโดยโงเวียดทู (Ngo Viet Thu) สถาปนิคชาวเวียตนามผู้สำเร็จการศึกษาจากฝรั่งเศส
และสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2509 ก่อนจะสิ้นสุดลงในวันที่
30 เมษายน พ.ศ. 2518 เมื่อกองกำลังคอมมิวนิสต์ได้เคลื่อนขบวนรถถังเข้าชนประตูเหล็กด้านหน้าของทำเนียบและโค่นรัฐบาลเวียตนามใต้ลง
ทุกวันที่ทำเนียบเดิมถูกเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมได้
โดยทุกสิ่งทุกอย่างถูกทิ้งไว้ให้เสมือนสภาพเดิมในวันที่
30 เมษายน พ.ศ. 2509 โดยชั้นล่างเป็นห้องจัดเลี้ยง ห้องโถงใหญ่ซึ่งรัฐบาลเวียตนามใต้ประกาศยอมแพ้และห้องเล็กถูกใช้สำหรับการบรรยายสรุปประจำวันทางทหาร
ในระหว่างช่วงก่อนที่รัฐบาลเวียตนามใต้จะถูกโค่น
ส่วนชั้นที่สองเป็นห้องรับรองของประธานาธิบดีตรันวันเฮือง
และห้องรับรองของประธานาธิบดีเทียว ซึ่งเพียบพร้อมด้วยห้องนอน
ห้องรับประทานอาหาร และห้องสวดมนต์แบบคาทอลิค ชั้นสามเป็นห้องรับรองของภริยาประธานาธิบดี
และชั้นที่สี่เป็นห้องฉายภาพยนตร์ส่วนตัวและลานจอดเฮลิคอปเตอร์
ซึ่งจากที่นี่จะสมารถเห็นทิวทัศน์อันงดงามของถนนเลหย่วน
(Le Duan Boulevard) ได้เป็นอย่างดี
ด้านหลังทำเนียบเป็นสาธารณะกงเวียดวันฮวา (Cong Vien Van
Hoa) ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวร่มรื่นสบายตา ด้านหน้าถนนเลหย่วน
ถูกกั้นไว้ด้วยสวนสาธารณะใหญ่แห่งหนึ่งที่ร่มครึ้มด้วยไม้ใหญ่
บริเวณด้านหนึ่งใกล้กับถนนไทวันลุง (Thai Van Lung) สำนักงานของโครงการอพยพอย่างมีระเบียบของอเมริกัน
(American Orderly Departure Program) ซึ่งตั้งอยู่ในปี
พ.ศ. 2523 เพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กลูกครึ่งอเมริกัน-เอเชีย
และผู้ลี้ภัยทางการเมืองอยู่บริเวณใกล้ๆ นั้น