(พักอิชเมียร์
1 คืน ปามุคคาเล่ 1 คืน อันตาเลีย 1 คืน คัปปาโดเกีย 2 คืน
และกรุงอิสตันบูล 1 คืน ระดับ 5 ดาว) |
โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์
ขอเสนอโปรแกรมนำเที่ยวประเทศตุรกี
สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ที่ประเทศสองทวีป คือทั้งทวีปเอเชียและยุโรป
ดินแดนแห่งอาณาจักรออตโตมันอันยิ่งใหญ่ มหานครโบราณกรุงคอนสแตนติโนเปิล
ชมสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมีปรากฏอยู่ให้เห็นทั่วทุกหนแห่ง
โดยทีมงานมัคคุเทศก์ที่ชำนาญงาน ที่พักระดับมาตรฐานและบริการอาหารในภัตตาคารเลิศรส |
หมายเหตุ
: สำหรับเพื่อนๆจองทริปทัวร์
ทางเราจะแจ้งเบอร์ไกด์ จุดนัดหมายและการเตรียมตัวเดินทาง ก่อนเดินทาง
5 วันครับ |
ข้อมูลการเตรียมตัวก่อนเดินทาง
|
|
เวลา : เวลาตุรกีช้ากว่าไทย
4 -5 ชั่วโมง คือฤดูร้อน ช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง ส่วนฤดูหนาวช้ากว่าไทย
5 ชั่วโมง |
ภาษา : ภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่น |
ไฟฟ้า :
220 โวลต์ สามารถเสียบชาร์จอุปกรณ์มือถือ หรือกล้องถ่ายรูปได้ตามปกติ |
ระบบเงินตรา
: สกุลเงินตุรกี คือ ลีร่าตุรกี มีอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ
1 ดอลล่า / 1.9 ลีร่า (ไปแลกที่สนามบินตุรกีได้ครับ)
การใช้จ่ายในตุรกี สามารถใช้ได้ทั้งเงินลีร่าเงินดอลล่าร์
และเงิน ยูโร ครับ |
น้ำหนักกระเป๋า
: น้ำหนักสัมภาระคนละ
20 กิโลกรัม |
|
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวตุรกี
ประเทศตุรกีมี 4 ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูใบไม้ผลิ (เดือนเมษายน
เดือนพฤษภาคม) ฤดูร้อน (เดือนมิถุนายน-เดือนกันยายน)
ฤดูใบไม้ร่วง (เดือนตุลาคม- เดือนพฤศจิกายน) และ ฤดูหนาว
(เดือนธันวาคม เดือนมีนาคม) |
|
โปรแกรมการเดินทาง
(บินตรงอิสตันบูล....เที่ยวตุรกีไม่ต้องทำวีซ่าแล้วครับ) |
ทริปเดินทาง : วันที่
22 - 29 ตุลาคม 2559 (ท่านละ 48,800.-บาท
เปิดจองแล้ว)
|
วันแรก
: สนามบินสุวรรณภูมิ - อิสตันบูล - เมืองอิซเมียร์ |
08.00
น. |
พบกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ
ชั้น 4 ประตู 9 เคาน์เตอร์ U สายการบินเตอร์กิช
แอร์ไลน์ (TK) เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับ อำนวยความสะดวกเรื่องสัมภาระและเอกสารการเดินทางก่อนขึ้นเครื่อง |
10.55
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล
โดยสายการบิน Turkish Airlines
เที่ยวบินที่ TK65 (บินตรง) |
17.10
น. |
เดินทางถึง สนามบินกรุงอิสตันบูล
ประเทศตุรกี
(เวลาตุรกีช้ากว่าไทย 4 -5 ชั่วโมง คือฤดูร้อน ช้ากว่าไทย
4 ชั่วโมง ส่วนฤดูหนาวช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง) นครอิสตันบูลเป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดและเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดในตุรกี
เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมช่องแคบบอสฟอรัส Bosphorus เดิมชื่อว่า
คอนสแตนติโนเปิล ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์
เป็นเมืองสำคัญของชนเผ่าจำนวนมากในบริเวณนั้น จึงส่งผลให้อิสตันบูลมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป
เช่น ไบแซนเทียม คอนสแตนติโนเปิ้ล เป็นต้น หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่ศุลกากรแล้ว
รอต่อเครื่องภายในประเทศเพื่อเดินทางต่อไป เมืองอิซเมียร์
|
19.00
น. |
ออกเดินทางสู่ เมืองอิซเมียร์
โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK 2336 |
20.05
น. |
ถึง สนามบินเมืองอิซเมียร์
นำท่านเดินทางเข้าที่พัก พักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม
Double Tree by Hilton ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า)
|
วันที่สอง
: เมืองอิซเมียร์ บ้านพระแม่มารี - เมืองเอเฟซุส - เมืองปามุคคาเล่
- ปราสาทปุยฝ้าย |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ บ้านพระแม่มารี
House of Virgin Mary ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้
ถูกค้นพบอย่างปาฏิหาริย์โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมัน ชื่อ แอนนา
แคเธอรีน เอมเมอริช Anna Catherine Emmerich ในปี ค.ศ. 1774-1824
ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว
ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่งพระสันตะปาปาโป๊ปเบเนดิกส์ที่
16 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ บริเวณด้านนอกของบ้านมีก๊อกน้ำสามก๊อกที่เชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์
แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก จากนั้นนำท่านชม
เมืองโบราณเอฟฟิซุส City of Ephesus
อดีตเป็นเมืองหลวงแห่งเอเชียของอาณาจักรโรมัน ชมอาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของนครเอฟฟิซุสคือ
ห้องสมุดของเซลซุส Library of Celsus
และอาคารสำคัญอีกแห่งคือ วิหารแห่งจักรพรรดิเฮเดรียน
Temple of Hadrian สร้างขึ้นถวายแด่จักรพรรดิเฮเดรียน
ความโดเด่นของวิหารแห่งนี้คืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก จากนั้นชมสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครเอฟฟิซุส
คือ โรงละคร Great Theatre ซึ่งสร้างโดยสกัดเข้าไปในไหล่เขาให้เป็นที่นั่ง
สามารถจุคนได้ถึง 25,000 คน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 10 ของประชากรในยุคนั้น
สร้างสมัยกรีกโบราณ |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านช้อปปิ้ง ศูนย์ผลิตเสื้อหนังคุณภาพสูง
ซึ่งตุรกีเป็นประเทศที่ผลิตหนังที่มีคุณภาพที่สุด อีกทั้งยังผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี
เช่น Versace , Prada , Michael Kors อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย
จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่
Pamukkale คำว่า ปามุคคาเล่ ในภาษาตุรกี หมายถึง
ปราสาทปุยฝ้าย Pamuk หมายถึง ปุยฝ้าย และ Kale หมายถึง ปราสาท
เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ
35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซี่ยมออกไซด์)
ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา คาลดากึ ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ
รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว
เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ
อันสวยงามแปลกตาและโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน
จนทำให้ ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี
ค.ศ. 1988 นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย (ปามุคคาล่)
เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน นำท่านชมหน้าผาที่ขาวกว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ
เป็นรูปร่างคล้ายหอยแครงและน้ำตกแช่แข็ง ถ้ามองดูจะดูเหมือนสร้างจากหิมะ
เมฆหรือปุยฝ้าย น้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน
ห้อยย้อยเป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างมหัศจรรย์ น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิประมาณ
33-33.5 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ
โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต
ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้ |
ค่ำ |
บริการอาหารค่ำแบบบุเฟต์
ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม หลังอาหารพักผ่อนกันตามสบาย (พักโรงแรม
Colossae Thermal Hotel ระดับ 5 ดาว หรือเทียบเท่า) |
วันที่สาม
: เมืองปามุคคาเล่ - เมืองอันตาเลีย |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอันตาเลีย
Antalya (ระยะทางประมาณ 220 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง
ประมาณ 4 ชั่วโมง) เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
Mediterranean Sea ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี
เป็นอีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถย้อนกลับไปประมาณ
150 ปีก่อนคริสตกาล สำหรับตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนที่ราบชายฝั่งแคบๆ
ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและท้องทะเลอันงดงาม จนนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนล้วนให้การยกย่องว่าเป็น
ริเวียร่าแห่งตุรกี ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองนั้นก็มีทั้งส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ถือว่ามีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านชมความสวยงามของ เมืองอันตาเลีย
Antalya ชมความงดงามของอนุสาวรีย์โบราณ รวมถึงกำแพงเมือง
ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ฮิดิร์ลิค ทาวเวอร์
Hidirlik Tower อีกหนึ่งหอคอยที่มีความสำคัญ ซึ่งสร้างขึ้นจากหินสีน้ำตาลอ่อนเพื่อใช้เป็นป้อมปราการ
หรือ ประภาคารในอดีต ฮิดิร์ลิค ทาวเวอร์ เป็นหอคอยทรงกลมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นและเป็นจุดหมายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง
ปัจจุบันหอคอยถูกล้อมรอบไปด้วยร้านกาแฟและร้านอาหารมากมาย
จากนั้นนำท่านสู่ ประตูเฮเดรียน Hadrians
Gate ประตูชัยซึ่งสร้างขึ้นตามชื่อของจักรพรรดิโรมันเฮเดรียน
Roman Emperor Hadrian ในช่วงศตวรรษที่ 2โดยประตูนั้นถูกสร้างขึ้นในรูปแบบทรงโค้ง
จำนวน 3 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศตุรกีอีกด้วย
จากนั้นนำท่านชม ท่าเรือโบราณ Old Habour ซึ่งปัจจุบันท่าเรือแห่งนี้ได้ถูกปรับปรุงให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวโดยยังคงเค้าโครงเดิมไว้ |
ค่ำ |
บริการอาหารค่ำแบบบุเฟต์ที่ภัตตาคารในโรงแรม
หลังอาหารพักผ่อนกันตามสบาย (พักโรงแรม Rixos Downtown Hotel
หรือระดับ 5 ดาว) |
วันที่สี่
: เมืองอันตาเลีย - เมืองแอสเพนโดส - เมืองคอนย่า - คัปปาโดเกีย |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองแอสเพนโดส
Aspendos ที่อยู่ห่างประมาณ 45 กิโลเมตร นำท่านชม โรงละครที่มีความยิ่งใหญ่
Roman Theater สัมผัสอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีความสวยงามและสามารถจุผู้ชมได้ประมาณ
20,000 คน มีเวทีแสดงด้านหลังที่ถูกสร้างขึ้นหลายชั้นเหมือนกับอพาร์ตเม้นท์
ที่มีห้องสำหรับนักแสดงเพื่อไว้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นอกจากนั้นทางด้านซ้ายและด้านขวายังมีทางที่ยื่นออกไปเหมือนกับระเบียงที่ติดต่อกับที่นั่ง
ผ่านชมโบราณสถาน ความสวยงามของโรงละครที่สามารถจุได้ประมาณ
15,000 คน ซึ่งมีเวทีที่สวยงาม ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนพร้อมด้วยภาพที่แกะสลักอย่างงดงาม
ด้านนอกยังแบ่งออกเป็นสามส่วนที่ประดับด้วยน้ำพุ และยังมีซากโบราณอื่น
ๆ เช่น เสาที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามที่อยู่บนทางเดิน สถานที่ทำการค้าขาย
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า
Konya ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจูค ในช่วงปี
ค.ศ. 1071-1308 รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคแถบนี้อีกด้วย
ท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนียภาพที่งดงามตามธรรมชาติตลอดสองฝั่งทางของภูมิภาคตอนกลางของประเทศตุรกี
นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า Mevlana
Museum หรือสำนักลมวน ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1231
โดยเมฟลาน่า เจลาเลดดิน รูบี ซึ่งเชื่อกันว่าชายคนนี้เป็นผู้วิเศษของศาสนาอิสลาม
หรือเรียกได้ว่าเป็นผู้ชักชวนคนที่นับถือศาสนาคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม
พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า เดิมเป็นสถานที่ที่นักบวชในศาสนาอิสลามทำสมาธิ
Whirling Dervishes โดยการหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็นสุสานของเมฟลาน่า
เจลาเลดดิน ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใส ภายในตกแต่งประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม
และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดาและบุตรของเมฟลาน่า
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย
Cappadocia (ระยะทางประมาณ 213 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง
3 ชั่วโมง) ซึ่งองค์การยูเนสโก้ได้ประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลก
เมืองที่มีลักษณะภูมิประเทศสวยงามมากระหว่างทางแวะชม คาราวานสไลน์
Caravanserai ที่พักแรมระหว่างทางของชาวเติร์กในสมัยออตโตมัน |
ค่ำ |
บริการอาหารค่ำแบบบุเฟต์
ณ ภัตตาคารภายในโรงแรม (พักโรงแรม Ramada Hotel หรือระดับ
5 ดาว) |
วันที่ห้า
: เมืองคัปปาโดเกีย - นครใต้ดิน - ระบำหน้าท้อง |
05.00
น. |
สำหรับท่านที่สนใจนั่งบอลลูนชมความงามของเมืองคัปปาโดเจีย
จะมีเจ้าหน้าที่ของบอลลูนมารับท่านที่บริเวณ ล๊อบบี้ (ทัวร์นั่งบอลลูนี้
ไม่ได้รวมอยู่ในค่าทัวร์ ค่าขึ้นบอลลูนประมาณท่านละ 210 ดอลล่า
ท่านจะได้รับประกาศนียบัตรนั่งบอลลูนที่มีชื่อเสียงระดับโลก
แจ้งกับไกด์ในวันเดินทางครับ) |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านชม นครใต้ดินไคมัคลี
Underground City of Derinkuyu or Kaymakli เป็นเมืองใต้ดินที่มีครบทุกอย่าง
ทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร
โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ ซึ่งสาเหตุแท้จริงของการสร้างเมืองใต้ดิน
ปัจจุบันยังสรุปไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าเป็นการสร้างเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรู
(โดยเฉพาะพวกทหารโรมัน) แม้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่ขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น
แต่อากาศในนั้นกลับถ่ายเทเย็นสบาย เนื่องจากเป็นหินภูเขาไฟ
มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 17-18 องศาเซลเซียส หน้าร้อนอากาศเย็น
หน้าหนาวอากาศอบอุ่น |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่
Goreme Open Air Museum ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง
ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์
และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์
ชม โบสถ์เซนต์บาร์บารา St. Barbar Church โบสถ์มังกร Snake
Church และ โบสถ์แอปเปิ้ล Apple Church ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับภูเขารูปทรงต่าง
ๆ ได้ตามอัธยาศัย นำท่านชม เมืองคัปปาโดเกีย
Cappadocia ดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก
เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรงต่าง ๆ ที่งดงาม คัปปาโดเกีย
Cappadocia เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไทต์ (ชนเผ่ารุ่นแรก ๆ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้)
แปลว่า ดินแดนม้าพันธุ์ดี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกี เป็นพื้นที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส
และ ภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายทั่วบริเวณจนทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา
จากนั้นกระแส น้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนหิน แผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อย
ๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง
ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง
ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า
ปล่องไฟนางฟ้า ในปี ค.ศ. 1985 ยูเนสโก้ได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี
พิเศษ!! เข้าชมบ้านพักของมนุษย์ถ้ำพื้นเมือง
Local Cave House ของชาวพื้นเมือง Cappadocia พร้อมดื่มชา
กาแฟ เนื่องจากธรรมเนียมของชาวเมืองตุรกี เมื่อมีผู้มาเยี่ยมเยียนก็จะมอบชา
กาแฟ เป็น Welcome Drink เพื่อแสดงถึงน้ำใจและมิตรภาพระหว่างเพื่อนใหม่
จากนั้นอิสระให้ท่านได้ถ่ายภาพบ้านพื้นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่จริงๆ
จากนั้นให้ท่านได้แวะชม โรงงานทอพรม
และ โรงงานเซรามิค อิสระกับการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย
|
เย็น |
บริการอาหารเย็นที่ภัตตาคารในโรงแรมแบบบุฟเฟต์
นำท่านชม โชว์ระบำหน้าท้อง ประกอบดนตรีของสาวน้อยชาวตุรกี
(พักโรงแรม Ramada Hotel หรือระดับ 5 ดาว)
|
วันที่หก
: กรุงอิสตันบูล - พระราชวังทอปกาปึ - ตลาดสไปซ์มาร์เก็ต |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินเมืองไคเซอร์รี่
|
11.25
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงอิสตันบูล
โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK 2027 |
12.25
น. |
เดินทางถึง สนามบินกรุงอิสตันบูล
นำท่านเดินทางเข้าสู่ย่านตัวเมืองเก่า นำท่านเข้าชม พระราชวังทอปกาปึ
Topkapi Palace ซึ่งสร้างในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2
หรือ เมห์เมตผู้พิชิต ภายหลังที่ทรงตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล
หรือ อิสตันบูลในปัจจุบันได้แล้ว ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้เมืองนี้เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรออตโตมัน
จึงโปรดให้มีการสร้างพระราชวังนี้ขึ้นเป็นที่ประทับอย่างถาวร
พระราชวังทอปกาปึนี้มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่กินเนื้อที่เกือบ
700,000 ตารางเมตร ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงตามแนวฝั่งทะเลมาร์มาร่า
ภายในพระราชวังทอปกาปึกลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติที่ใช้เก็บมหาสมบัติอันล้ำค่า
อาทิเช่น เพชร 96 กะรัต กริชทองประดับมรกต เครื่องลายครามจากจีน
หยก มรกต ทับทิม และเครื่องทรงของสุลต่านในแต่ละยุคสมัย ส่งท้ายด้วยการนำท่านสู่
ย่านช้อปปิ้ง ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต Spice
Market หรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันเลื่องชื่อของตุรกี
อย่าง แอปปลิคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ซึ่งมีให้เลือกซื้อมากมาย |
เย็น |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารพักผ่อนกันตามอัธยาศัย (พักโรงแรม Ramada Plaza Tekstilkent
หรือระดับ 5 ดาว) |
วันที่เจ็ด
: ล่องเรือบอสฟอรัส - พระราชวังโดลมาบาชเช่ - โบสถ์เซนต์โซเฟีย
- สุเหร่าสีฟ้า - ฮิปโปโดรม |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านการ ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส
Cruise Along the Bosphorus ซึ่งเป็นช่องแคบขนาดใหญ่และสองฝั่งมีความสวยงามมาก
ช่องแคบนี้ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรป และเอเชีย เชื่อมระหว่าง
ทะเลดำ The Black Sea เข้ากับ ทะเลมาร์มาร่า Sea of Marmara
มีความยาว 32 กิโลเมตร ให้ท่านได้ชมทิวทัศน์ทั้งสองข้างที่สวยงามตระการตาของ
ช่องแคบบอสฟอรัสที่เป็น จุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย
เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ จากนั้นนำท่านเข้าชม
พระราชวังโดลมาบาชเช่ Dolmabahce Palace
พระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุดทั้งทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน
ซึ่งได้แผ่ขยายอำนาจออกไปอย่างกว้างขวาง พระราชวังแห่งนี้สร้างโดย
สุลต่าน อับดุล เมอซิท ในปี ค.ศ. 1843 ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น
12 ปี เพราะความที่สุลต่านทรงเป็นผู้คลั่งไคล้ยุโรปอย่างสุดขอบ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วัฒนธรรม การดำรงชีวิต ตลอดจนการทหาร
ล้วนคัดลอกมาจากตะวันตกทั้งสิ้น พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดยสถาปนิกคู่ใจชาวอาเมเนี่ยน
ชื่อ บัลยัน เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม
ภายนอกพระราชวังประดับตกแต่งด้วยสวนไม้ดอก รายล้อมพระราชวังซึ่งอยู่เหนืออ่าวเล็ก
ๆ ของช่องแคบบอสฟอรัส ภายในประกอบด้วยห้องต่าง ๆ ตกแต่งด้วยโคมระย้า
บันไดลูกกรง แก้วเจียระไน และ โคมไฟมหึมาหนัก 4.5 ตัน ซึ่งแขวนไว้อย่างโดดเด่นในห้องท้องพระโรงใหญ่
|
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเข้าชม โบสถ์เซนต์โซเฟีย
St. Sophia ซึ่งเป็นศิลปะแบบไบแซนไทม์ ได้รับการยกย่องให้เป็น
1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิคอนสแตนตินของจักรวรรดิไบแซนไทม์
เดิมใช้เป็นโบสถ์คริสต์แต่หลังจากจักรวรรดิออตโตมันเข้ามาปกครองจึงได้เปลี่ยนโบสถ์ดังกล่าวมาเป็นมัสยิด
แต่ได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในสมัย เคมาล อะตาเติร์ก
หลังจากที่เป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์เป็นเวลากว่า 916 ปี และเป็นมัสยิดของศาสนาอิสลามอีกกว่า
447 ปี ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมความงามและความยิ่งใหญ่
ภายในมีภาพประดับโมเสกทองที่สมบูรณ์บ่งบอกถึงความศรัทธาอันแรงกล้าของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่มีต่อคริสต์ศาสนา
จากนั้นนำท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน Blue
Mosque ที่มาของชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินเป็นเพราะเขาใช้กระเบื้องสีน้ำเงินในการตกแต่งภายใน
ซึ่งทำเป็นลายดอกไม้ต่าง ๆ เช่น ดอกกุหลาบ คาร์เนชั่น ทิวลิป
เอกลักษณ์เด่นอีกอย่างแต่อยู่ภายนอกคือ หอประกาศเชิญชวนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำพิธีละหมาด
Minaret 6 หอ เท่ากับสุเหร่าที่นครเมกกะ ชม สนามแข่งม้าของชาวโรมัน
หรือ ฮิปโปโดรม Hippodrome หรือจัตุรัสสุลต่านอาห์เมต
สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ เซปติมิอุส เซเวรุส เพื่อใช้เป็นที่แสดงกิจกรรมต่าง
ๆ ของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิ เซปติมิอุส เซเวรุส
เพื่อใช้เป็นที่จัดแสดงกิจกรรมต่าง ๆ ของชาวเมือง ต่อมาในสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน
ฮิปโปโดรมได้รับการขยายให้กว้างขึ้น ตรงกลางเป็นที่ตั้งแสดงประติมากรรมต่าง
ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปะในยุคกรีกโบราณในสมัยออตโตมันสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่จัดงานพิธี
แต่ในปัจจุบันเหลือเพียงพื้นที่ลานด้านหน้ามัสยิดสุลต่านอะห์เมต
ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาโอเบลิกส์ 3 ต้น คือ เสาที่สร้างในอียิปต์
เพื่อถวายแก่ฟาโรห์ตุตโมซิสที่ 3 ถูกนำกลับมาไว้ที่อิสตันบูล
เสาต้นที่สอง คือ เสางู และเสาต้นที่สาม คือ เสาคอนสแตนตินที่
7 จากนั้นนำท่านสู่ อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน
Yerebatan Sarnici สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิจัสตินเนียน
ในปี ค.ศ. 532 เพื่อเป็นที่เก็บน้ำสำหรับใช้ในพระราชวัง สำรองไว้ใช้ยามที่กรุงอิสตันบูลถูกข้าศึกปิดล้อมเมือง
มีความกว้าง 65 เมตร ยาว 143 เมตร มีเสาค้ำหลังคา 336 ต้น |
ค่ำ |
บริการอาหารเย็นที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ สนามบินกรุงอิสตันบูล
เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับสู่ กรุงเทพมหานคร |
01.35
น. |
ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร
โดย สายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK 68 |
วันที่แปด
: สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ |
14.50
น. |
ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ
โดยสวัสดิภาพ |