ทัวร์โมรอคโค สเปน นำเที่ยวชม
เมืองคาซาบลังก้า(Casablanca)
เมืองอันเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
เที่ยว เมืองราบัต(Rabat)
เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมรอคโค
เดินชมย่าน เฟส เมดินา (Fes Medina)
ที่เป็นเหมือนเขาวงกตอันซับซ้อนมีซอยมากกว่า 9,000
ซอย
ชม นครสีฟ้าเชฟชาอูน (Chefchaouen)
เมืองที่ได้ชื่อว่ามนต์เสน่ห์แห่งโมรอคโค
นั่งเรือเฟอร์รี่ข้าม ช่องแคบยิบรอลต้า
(Gibraltar) ที่คั่นแบ่งระหว่างทวีปยุโรป และ ทวีปแอฟริกา
ตื่นตากับ มหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า(Seville
cathedral) ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
ชม กอร์โดบา(Cordoba) เมืองที่สวยงามในแบบมูเดก้า
ตามรอยเมืองอัศวินที่โทเลโด (Toledo) ที่องค์การยูเนสโกจัดเป็นเมืองมรดกโลก
ชมรางส่งน้ำโรมัน (Acueducto de Segovia) ที่เซอโกเบีย (Segovia)
เต็มอิ่มกับกรุงมาดริด (Madrid) 2 คืน เมืองหลวงของประเทศสเปน
เมนูอาหารจัดเต็มข้าวผัดสเปนและหมูหันสเปน อันเลื่องชื่อ
ชม โชว์ระบำฟลามินโก้ อันตื่นเต้นและเร้าใจ |
เตรียมตัวเดินทางครับ |
:
อุณหภูมิ |
เช็คอุณหภูมิ
เมืองคาซาบลังกา ประเทศโมรอคโค คลิ๊กที่นี่ |
:
เวลา |
เวลาในประเทศโมร็อกโก
ช้ากว่าประเทศไทย 7 ชั่วโมง |
:
ภาษา |
ภาษาอังกฤษและภาษาท้องถิ่น |
:
ไฟฟ้า |
220 โวลต์
สามารถเสียบชาร์จอุปกรณ์มือถือ หรือกล้องถ่ายรูปได้ตามปกติ |
:
ระบบเงินตรา |
สกุลเงินของอินเดียคือ
รูปี (อัตราแลกเปลี่ยน 100.-บาท ได้ประมาณ 150 รูปี) |
|
สำหรับเพื่อนๆจองทริปทัวร์
ทางเราจะแจ้งเบอร์ไกด์ จุดนัดหมายและการเตรียมตัวเดินทาง
ก่อนเดินทาง 5 วันครับ |
|
โปรแกรมการเดินทาง |
ทริปวันที่ 12-20 กรกฏาคม 2559 : ราคาท่านละ 65,900.-บาท
(เปิดจองแล้วครับ) |
ทริปวันที่ 9-17 สิงหาคม 2559 : ราคาท่านละ 65,900.-บาท
(เปิดจองแล้วครับ) |
ทริปวันที่ 23-31 สิงหาคม 2559 : ราคาท่านละ 65,900.-บาท
(เปิดจองแล้วครับ) |
วันแรก
: สนามบินสุวรรณภูมิ - ดูไบ |
22.30
น. |
พร้อมกัน
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศประตู 9 เคาน์เตอร์
T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก |
วันที่สอง
: ดูไบ คาซาบลังก้า - ราบัต |
01.35
น. |
ออกเดินทางสู่ สนามบินดูไบ
โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK385 |
04.45
น. |
เดินทางถึง สนามบินดูไบ
แวะเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไป เมืองคาซาบลังกา
ประเทศโมร็อกโก |
07.35
น. |
ออกเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังกา
ประเทศโมรอคโค โดยเที่ยวบิน EK751 |
12.55
น. |
ถึง สนามบินนานาชาติเมืองคาซาบลังก้า
(Casablanca) ประเทศโมรอคโค (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย
6 ช.ม.) นำท่านผ่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่นแล้ว
นำท่านออกเดินทางโดยรถบัสปรับอากาศสู่
เมืองคาซาบลังก้า(Casablanca)
ชมเมืองคาซาบลังก้า ผ่านย่านธุรกิจสำคัญ จัตุรัสสหประชาชาติ
ผ่านชมย่านบ้านพักตากอากาศริมมหาสมุทรแอตแลนติคซึ่งเป็นย่านที่เศรษฐี
รวมถึงกษัตริย์ซาอุดิอารเบียก็มาสร้างวังพร้อม ทั้งมีมัสยิดและหอสมุดส่วนพระองค์
นำท่านชมบริเวณภายนอกของ สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่
2 เป็นสุเหร่าที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเมกกะ
สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง สามารถจุผู้คนที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาอิสลามได้ประมาณ
80,000 คน ชมทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค
สมควรแก่เวลานำท่านออกเดินทางสู่ เมืองราบัต
(Rabat) เมืองหลวงของโมรอคโค |
เย็น |
รับประทานอาหารค่ำ
ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง นำคณะเข้าสู่ที่พัก โรงแรม MERCURE
SHEHRAZADE หรือเทียบเท่า |
วันที่สาม
: ราบัต ป้อมอูดายา - เมืองเก่าเฟส |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านชมเมืองราบัต เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรโมรอคโคมาตั้งแต่ปี
ค.ศ.1956 เมื่อโมรอคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของประเทศฝรั่งเศส
เป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง จากนั้นชมบริเวณด้านนอกของ สุเหร่าหลวง
และ พระราชวังหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่า
เพื่อประกอบศาสนกิจ ชม สุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่
5 ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง
ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่
12 แต่ไม่สำเร็จ และพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น นำท่านชม
ป้อมอูดายา (Oudayas Fortress) ป้อมขนาดใหญ่
2 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรแอตแลนติก ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงใหญ่
บรรยากาศริมทะเลคล้ายเมืองซานโตรินี นับเป็นหนึ่งในป้อมปราการที่สำคัญของโมรอคโค
ในอดีตใช้ป้องกันข้าศึกจากการรุกรานทั้งจากประเทศที่ล่าอาณานิคมและในยุคที่โจรสลัดชุกชุม |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองเฟส
(Fes) เป็นเมืองสำคัญทางด้านศาสนาตั้งแต่ยุค ศต. ที่
8 นำท่านถ่ายรูปที่จุดชมวิวบนป้อมปราการแห่งราชวงศ์ซาเดียน
ต่อด้วยชม ประตูพระราชวังหลวงแห่งเฟส
(The Royal Palace) ประตูทางเข้าพระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยและสง่างาม
เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมร็อคโค จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่เขาวงกตอันซับซ้อนแห่ง
เฟส เมดินา (Fes
Medina) โดยในเขตเมืองเก่ามีซอยมากกว่า 9,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ
50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร ผ่าน ประตู
Bab Boujloud ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง นำท่านเดินในเขตเมดิน่าที่เหมือนการข้ามกาลเวลาย้อนกลับสู่อดีต
ผ่านตลาดสดขายอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆนาๆ ชม เมเดอร์ซา
บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania) โรงเรียนสอนพระคัมภีร์
เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ
เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง ย่านขายพรมที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม
ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ ระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าท่านจะได้พบกับน้ำพุธรรมชาติ
(Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด
แวะชม สุสานของกษัตริย์ มูเล ไอดริสที่
2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์
โดยชายชาวมุสลิมจะมาขอพรก่อนการเข้าสุหนัตและหญิงสาวชาวมุสลิมมักจะมาขอพรเพื่อให้ได้บุตร
ชมสุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว
ชมย่านเครื่องหนังและแวะ ชมบ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณประจำเมืองเฟส
(Chouara Tannery) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส
ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้ |
เย็น |
รับประทานอาหารค่ำ
ณ ภัตตาคารพื้นเมือง นำคณะเข้าสู่ที่พัก โรงแรม GOLDEN TULIP
TGHAT หรือเทียบเท่า |
วันที่สี่
: เฟส เมคเนส - นครสีฟ้าเชฟชาอูน |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเมคเนส(Meknes)
หนึ่งในเมืองมรดกโลกรับรองโดยยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1996 อดีตเมืองหลวงในสมัยสุลต่าน
มูเล อิสมาอิล (Mouley Ismail) แห่งราชวงศ์อะลาวิท (Alawite
Dynasty) ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์จอมโหดผู้ชื่นชอบการทำสงครามในช่วงศตวรรษที่
17 ด้วยทำเลที่ตั้งที่มีแม่น้ำไหลผ่านกลางเมือง เมกเนสจึงเป็นเมืองศูนย์กลางการผลิตมะกอก
ไวน์ และพืชพรรณต่างๆ มีกำแพงเมืองล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาวประมาณ
40 กม. ซึ่งมีประตูเมืองใหญ่โตถึง 7 ประตู แวะชม ประตูบับมันซู
(Bab Mansour Monumental Gate) เป็นประตูที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุด
ตกแต่งด้วยโมเสคและกระเบื้องสีเขียวสดบนผนังสีแสด จากนั้นเดินทางสู่เมืองเฟซตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟซึ่งเฟสเป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและมีเสน่ห์อันน่าประทับใจ
แวะชม เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman
city of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี
ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต
อดีตเมืองโบราณแห่งจักรวรรดิโรมันแห่งนี้มีความสำคัญยิ่งในยุคศตวรรษที่
3และล่มสลายถูกปล่อยเป็นเมืองร้างในศตวรรษที่ 11 เมืองโรมันโบราณแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี
ค.ศ.1997 |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านนเดินทางสู่ นครสีฟ้าเชฟชาอูน
(Chefchaouen) เมืองที่ได้ชื่อว่ามนต์เสน่ห์แห่งโมรอคโค
เป็นเมืองเล็กๆตั้งอยู่ในหุบเขาริฟ (Rif Mountain) ประวัติความเป็นมาของเมืองนั้นยาวนานกว่า
538 ปี ชมบ้านเรือนทาด้วยสีฟ้าและสีขาว ถือว่าเป็นสวรรค์ของคนรักสีฟ้าและสีขาว
โดยเฉพาะสีฟ้า นั่นก็เพราะว่าเชฟชาอูนเป็นเมืองที่บ้านเรือนเกือบทุกหลังเป็นสีขาว
และมีครึ่งล่างไปจนถึงบริเวณถนน บันได และทางเดิน เป็นสีฟ้าสดใสเหมือนวันที่ท้องฟ้าไร้เมฆ
|
ค่ำ |
รับประทานอาหารค่ำ
ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เข้าสู่ที่พัก โรงแรม ALTAS CHAOUEN
หรือเทียบเท่า |
วันที่ห้า
: เชฟชาอูน แทนเจียร์ ช่องแคบยิบรอลตาร์ สเปน - เซบีย่า |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองแทนเจียร์
(Tangier) เป็นเมืองริมชายฝั่ง และเป็นเมืองท่าที่สำคัญ
ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศโมร็อกโก และอยู่ทางตอนใต้ของ
ช่องแคบยิบรอลตาร์ (Gibraltar) ปัจจุบันเมืองท่าแห่งนี้ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว
ที่สำคัญอีกแห่งของโมร็อกโกอีกด้วยนอกจากนี้แล้วเมืองแทนเจียร์ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญ
ทางด้านประวัติศาสตร์ไม่น้อยไปกว่าเมืองอื่นๆ อีกทั้งรอบๆตัวเมืองยังมีความโดดเด่นด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม
รวมไปถึงหาดทรายและผู้คนที่แสนจะเป็นมิตร จากนั้นนำชม แกรนด์
ซัคโค (Grand Socco) จัตุรัสที่รายล้อมไปด้วยเขตเมืองเก่า
หรือย่านเมดินา ซึ่งถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีที่สุดของเมืองแทนเจียร์
อีกทั้งยังถือว่าเป็นตลาดหลักของเมืองอีกด้วย |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารชมวิว ช่องแคบยิบรอลต้า (Gibraltar)
ที่คั่นแบ่งระหว่างทวีปยุโรป และ ทวีปแอฟริกา ตามตำนานเล่าว่า
เป็นเพราะเทพเฮอร์คิวลิส ที่ต้องการเดินทางผ่านไปยังสุดขอบตะวันตกจึงยกแผ่นหินออกทำให้เกิดช่องแคบยิบรอลต้าขึ้น
นำท่าน นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามช่องแคปยิบรอลต้าร์
(Gibraltar) ข้ามสู่ประเทศสเปน เพื่อนำท่านเดินทางสู่
เมืองเซบีย่า (Seville) เป็นเมืองใหญ่อันดับ
4 ของสเปน นำท่านชม ปลาซาเดเอสปาญา
(Plaza De Espana) ที่สร้างขึ้นเมือปี ค.ศ. 1982 เป็นกลุ่มอาคารรูปครึ่งวงกลมซึ่งรวมความเป็นสถาปัตยกรรมแบบสเปนที่เรียงต่อกันเป็นแนวยาวสวยงามยิ่งนัก
แต่ละซุ้มโค้งประตูมีตราประจำจังหวัดไล่เรียงตามตัวอักษร อิสระให้ท่านเก็บภาพความงามรอบบริเวณ
นำท่านถ่ายรูปกับ หอคอยฆีรัลดา (Giralda
Tower) หอศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นหอคอยที่สร้างขึ้นโดยชาวมุสลิม
เป็นตึกทรงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสูง 93 เมตร ติดกันกับมหาวิหารเป็นลานส้มและน้ำพุ
เพื่อใช้ในพิธีชำระร่างกายของชาวมุสลิม จากนั้นนำท่านเข้าชม
มหาวิหารแห่งเมืองเซบีย่า(Seville cathedral)
เริ่มสร้างใน ค.ศ.1042 และสร้างเสร็จ ค.ศ.1519 ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสาม
รองจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่กรุงโรม และเซนต์ปอลที่ลอนดอน
และใหญ่ที่สุดในสเปน สร้างด้วยศิลปะแบบโกธิค ภายในตกแต่งได้อย่างวิจิตรตระการตา
สร้างขึ้นแทนที่ตั้งของสุเหร่าเดิม โดยต้องการให้ยิ่งใหญ่แบบไม่มีใครเทียบเทียมได้
ในห้องเก็บทรัพย์สมบัติล้ำค่า มีทั้งภาพเขียน เครื่องใช้ในศาสนพิธีที่ทำมาจากทองคำและเงิน
ล้วนแล้วแต่ประเมินค่ามิได้ ตอนกลางโบสถ์เป็นที่ตั้งของ สุสานคริสโตเฟอร์โคลัมบัส
ซึ่งสร้างอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติยศ เป็นหีบศพหินอ่อนที่ตั้งอยู่บนบ่่าของรูปสลักชายหนุ่ม4คน
ซึ่งเป็นผู้แทนของราชอาณาจักรของกษัตริย์คาธอลิคทั้ง 2 พระองค์อันได้แก่คัสตีล
เลออน อาราก็อน และนาวาร์เร |
ค่ำ |
รับประทานอาหารค่ำ
ณ ภัตตาคารอาหารจีน
นำคณะเข้าสู่ที่พัก โรงแรม TRYP SEVILLA MACARENA หรือเทียบเท่า |
วันที่หก
: เซบีย่า - กอร์โดบา - กรุงมาดริด |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองกอร์โดบา
(Cordoba) เมืองที่สวยงามในแบบมูเดก้าและเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในยุคที่มัวร์ปกครอง
นำท่านเข้าชม มัสยิดเมซกีตา (Mezquita
catedral) มีชื่อเรียกในศาสนาคริสต์ว่า มหาวิหารอัสสัมชัญพระแม่มารี
(Catedral de Nuestra Se?ora de la Asunci?n) ปัจจุบันเป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับพื้นที่ส่วนประวัติศาสตร์
สุเหร่าที่มีชื่อเสียง และเคยได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่งในช่วงปี
ค.ศ. 700 ถึง 800 มีอายุกว่า 1,200 ปี เป็นเสมือนเพชรยอดมงกุฎของสถาปัตยกรรมอาหรับที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
และถือได้ว่ามหัศจรรย์มาก ที่สุเหร่าของศาสนามุสลิมอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับโบสถ์ของศาสนาคริสต์
ชมความยิ่งใหญ่และสวยงาม ภายในที่สร้างไว้อย่างมหัศจรรย์ด้วยเสาหินอ่อนสีต่าง
ๆ จำนวน 900 ต้น เรียงรายสับหว่างกันอย่างสวยงาม และเพดานแบบศิลปะ
แขกมัวร์ที่หาชมที่อื่นไม่ได้ |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคาร
หลังอาหารนำท่านเดินทางเข้าสู่ กรุงมาดริด
(Madrid) เมืองหลวงของประเทศสเปน ตั้งอยู่ใจกลางแหลมไอบีเรียน
ในระดับความสูง 650 เมตร เป็นมหานครอันทันสมัยล้ำยุค ที่ซึ่งกษัตริย์ฟิลลิปที่
2 ได้ทรงย้ายที่ประทับจากเมืองโทเลโดมาที่นี่ และประกาศให้มาดริดเป็นเมืองหลวงใหม่
ยกเว้นในช่วงประมาณปี ค.ศ. 1601-1607 เมืองมาดริดได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก
และสูงสุดแห่งหนึ่งในยุโรป
|
ค่ำ |
รับประทานอาหารค่ำ
ณ ภัตตาคารอาหารไทย นำท่านเข้าสู่ที่พัก โรงแรม HOLIDAY INN
MADRID ALCALA หรือเทียบเท่า |
วันที่เจ็ด
: เมืองโทเลโด เมืองมาดริด - ชมโชว์ระบำฟลามิงโก้ |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองโทเลโด
(Toledo) เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศสเปน
องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เมืองนี้เป็นแหล่งมรดกโลกอีกด้วย
มีทัศนีภาพที่สวยงาม เนื่องจากมีแม่น้ำเทกัสไหลผ่านเมือง นำท่านเข้าชม
มหาวิหารแห่งโทเลโด (Toledo Cathedral)
เนื่องจากเป็นวิหารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสเปน รองจากวิหารเมืองเซบีญ่า
ที่สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ความงดงามอลังการสไตล์โกธิก ภายในมหาวิหารมีการตกแต่งอย่างงดงามวิจิตรด้วยไม้แกะสลักและภาพสลักหินอ่อน |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคารอาหารจีน
หลังอาหารนำท่านเดินทางกลับสู่กรุงมาดริด เที่ยวชมที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอยู่มากมายทั้ง
อนุสาวรีย์น้ำพุไซเบเลส (The Cibeles
Fountain) ตั้งอยู่ที่ จัตุรัสรัสซิเบเลส
(Plaza de Cibeles) ซึ่งเป็นวงเวียนสำคัญและสวยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงมาดริด
โดยบริเวณนี้ มีอาคารสวยงามและสำคัญ ประจำอยู่ทั้ง 4 มุมได้แก่
ธนาคารแห่งชาติสเปน,กองบัญชาการทหารบก, ที่ทำการใหญ่ไปรษณีย์ประตูชัยอาคาล่า
และศูนย์วัฒนธรรม ทวีปอเมริกาโดย ประตูชัยอาคาล่า
มาดริด (Splendid puerta de alcala) สร้างขึ้นในปี
1599 ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระเจ้าชาร์ลส์ที่
3 ตั้งตระหง่านทางตะวันออกของใจกลางเมือง นำท่านสู่ พลาซ่า
มายอร์ (Plaza Mayor of Madrid) ใกล้เขตปูเอต้าเดลซอล
หรือประตูพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง นับเป็นจุดนับกิโลเมตรแรกของสเปน
(กิโลเมตรที่ศูนย์) และยังเป็นศูนย์กลางรถไฟใต้ดินและรถเมล์ทุกสาย
นอกจากนี้ยังเป็นจุดตัดของถนนสายสำคัญของเมืองที่หนาแน่นด้วยร้านค้าและห้างสรรพสินค้าใหญ่มากมาย |
เย็น |
รับประทานอาหารค่ำ
ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (ข้าวผัดสเปน) พร้อมชม โชว์
ระบำฟลามิงโก ศิลปะระบำสเปน หนึ่งในการแสดงที่ขึ้นชื่อลือชาไปทั่วโลก
ทั้งท่วงท่าการร่ายรำประกอบเสียงดนตรีที่เร้าใจสนุกสนาน เข้าสู่ที่พัก
ณ โรงแรม HOLIDAY INN MADRID ALCALA หรือเทียบเท่า |
วันที่แปด
: เมืองเซอโกเบีย พระราชวังหลวง สนามบิน |
เช้า |
บริการอาหารเช้าที่โรงแรม
หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่ เมืองเซอโกเบีย
(Segovia) เมืองท่องเที่ยวอีกเมืองหนึ่งของสเปน องค์การ
UNESCO ยังได้ขึ้นทะเบียนให้เมืองนี้เป็นเมืองมรดกโลกในปี
1985 ชม รางส่งน้ำโรมัน (Acueducto
de Segovia) ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 1 โดยไม่มีการใช้กาวหรือวัสดุเชื่อมหินแต่ละก้อนแต่อย่างใด
จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งก่อสร้างทางวิศวกรรมโดยชาวโรมันที่สำคัญที่สุดของสเปน
และยังมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดอีกด้วย รางส่งน้ำประกอบขึ้นจากหินแกรนิตกว่า
25,000 ก้อน มีความยาว 818 เมตร มีโค้ง 170 โค้ง จุดที่สูงที่สุดสูงถึง
29 เมตร จุดเริ่มต้นของรางส่งน้ำนี้ เริ่มตั้งแต่นอกเมือง
แล้วลำเลียงส่งน้ำเข้ามาในเมือง รางส่งน้ำแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเซอโกเบีย
และเป็นไฮไลท์หลักของเมือง นำท่านเดินเล่นในเขตเมืองเก่า ซึ่งเต็มไปด้วยสินค้านานาชนิดตลอดสองข้างทาง |
เที่ยง |
บริการอาหารกลางวันที่ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
(หมูหันสเปน) หลังอาหารนำท่านเข้าชม
พระราชวังหลวง (Royal Palace) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำแมนซานาเรส
สวยงามโอ่อ่าอลังการไม่แพ้พระราชวังใดในทวีปยุโรป พระราชวังหลวงแห่งนี้ถูกสร้างในปี
ค.ศ. 1738 ด้วยหินทั้งหลังในสไตล์บาโรค โดยการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและอิตาเลียน
ประกอบด้วยห้องต่างๆกว่า 2,830 ห้อง ซึ่งนอกจากจะมีการตกแต่งอย่างงดงามแล้ว
ยังเป็นคลังเก็บภาพเขียนชิ้นสำคัญที่วาดโดยศิลปินในยุคนั้น
รวมทั้งสิ่งของมีค่าต่างๆอาทิ พัดโบราณ, นาฬิกา, หนังสือ,
เครื่องใช้, อาวุธ จากนั้นนำท่านชมอุทยานหลวงที่มีการเปลี่ยนพันธุ์ไม้ทุกฤดูกาล
ชมอนุสาวรีย์เซอร์แวนเตส กวีเอกชาวสเปนที่ตั้งอยู่เหนืออนุสาวรีย์ดอนกิโฆเต้ในสวนสาธารณะ |
17.00
น. |
นำเดินทางสู่ สนามบินชาร์ล
เดอ โกล เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund)
และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน |
22.05
น. |
ออกเดินทางกลับสู่
สนามบินดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK144 |
วันที่เก้า
: ดูไบ สนามบินสุวรรณภูมิ |
07.10
น. |
ถึง สนามบินดูไบ
รอต่อเครื่องเพื่อเดินทางต่อกลับกรุงเทพฯ |
09.35
น. |
ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ
โดยสายการบินเอมิเรตส์ เที่ยวบินที่ EK 372 |
18.40
น. |
ถึง สนามบินสุวรรณภูมิ
โดยสวัสดิภาพ |