ลำดับราชวงศ์และเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ศรีลังกา
1.ศรีลังกาสมัยอนุราธปุระ
(พ.ศ.1-พ.ศ.1598)
พ.ศ.1 : ปฐมกษัตริย์ศรีลังกา คือ พระเจ้าวิชัย จากแคว้นคุชรัต
ประเทศอินเดีย ครองราชย์ที่เมืองตัมพปัณณิ กษัตริย์ในราชวงศ์นี้องค์ต่อๆ
มาคื ปัณฑาวาสุเทพ อภย ปัณฑุกาภัย มุฎสิวะ
พ.ศ.293-พ.ศ.333 : พระเจ้าเทวานามปิยา ติสสะ เป็นกษัตริย์ที่ฝักใฝ่ในการทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาเป็นพิเศษ
พระพุทธศาสนาที่ทรงเลื่อมใสคือ พระพุทธศาสนาที่พระมหินท์
(โอรสของพระเจ้าอโศกมหาราช นำมาเผยแพร่) ผลงานเด่นในรัชกาลนี้คือ
สร้างสำนักสงฆ์มหาวิหาร เจติยคีรีวิหาร เจดีย์ถูปารามที่บรรจุพระรากขวัญของพระพุทธเจ้า
และอ่างเก็บน้ำติสาเทวะ เป็นต้น พระเถรีสังฆมิตตา ราชธิดาของพระเจ้าอโศกนำกิ่งมหาโพธิ์มาปลูกในรัชกาลนี้
: พระมหินท์ และพระเถรีสังฆมิตตาสิ้นพระชนม์ในรัชกาลของพระเจ้าอุตติยะ
กษัตริย์ถัดไปของราชวงศ์นี้คือ มหาสิวะและสูรติสสะ
: พระเจ้าเสนะและพระเจ้าคุตตกะ ชนชาติทมิฬตั้งวงศ์ใหม่ แต่ไม่นานก็ถูกยึดอำนาจคืน
โดยพระเจ้าอเสสะผู้อนุชาของพระเจ้าสูรติสสะ แล้วพระเจ้าสูรติสสะก็ถูกพระเจ้าเอฬาระ
กษัตริย์แห่งทมิฬจากประเทศโจฬะยึดอำนาจตั้งวงศ์ใหม่ได้อีก
พ.ศ. 382-พ.ศ.402 : พระเจ้าทุฏฐคามินี (องค์เดิม) มาจากแคว้นโรหณะทางใต้ของเกาะลังกา
ทรงชนช้างชนะพระเจ้าเอฬาระ สืบราชวงศ์ต่อไปได้ เจดีย์มริจวัฎฎิ
โลหปราสาท และมหาสถูป (เจดีย์รุวันเวลิ) ณ เมืองอนุราธปุระ
สร้างในรัชกาลนี้
พ.ศ.406-พ.ศ.424 : พระเจ้าสัทธาติสสะสร้างมหาสถูปต่อจนสำเร็จ
กษัตริย์ในราชวงศ์องค์ถัดไปคือ ถูลัตถนะ สัญชติสสะ ขัลลาตนาค
พ.ศ.440 : พระเจ้าวัฏฏคามินีอภัย หนีพวกทมิฬออกจากเมืองอนุราธปุระ
พ.ศ.440-พ.ศ.454 : พระเจ้าปุลหัตถะ ชนชาติทมิฬขึ้นครองราชย์ที่อนุราธปุระ
ผู้ขึ้นครองราชย์สืบต่อกันคือ พาหิยะ ปันยมาร ปลัยมาร และทาฐิกะ
พ.ศ.454-พ.ศ.466 : พระเจ้าวัฏฏคามินีอภัย (องค์เดิม) รบชนะพระเจ้าทาฐิกะ
สร้างสำนักสงฆ์อภัยคีรีวิหาร และมีการจารพระไตรปิฏกเป็นตัวอักษร
พ.ศ.467-พ.ศ.496 : กษัตริย์ที่ครองราชต่อเนื่องกันมี มหาจุฬี
มหาติสสะโจรนาค และติสสะ
พ.ศ.496-พ.ศ.501 : พระจางอนุฬาได้ขึ้นครองราชย์หลังจากทรงวางยาพิษพระเจ้าโจรนาค
และพระเจ้าติสสะ
พ.ศ.502-พ.ศ.524 : พระเจ้ากุฎกัณณะ ติสสะ (อนุชาของพระเจ้าติสสะ)
ยึดอำนาจคืนจากพระนางอนุฬาได้
พ.ศ.524-พ.ศ.552 : ในรัชกาลของพระเจ้าภาติกอภัย มีการส่งคณะฑูตไปยังอาณาจักรโรมัน
พ.ศ.552-พ.ศ.595 : กษัตริย์ในช่วง พ.ศ.นี้มี 7 องค์ คือ
มหาทาฐิกะ มหานาค, อมัณฑคามินีอภัย (มีการห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอย่างเด็ดขาด),
กณิรชานุติสสะ (ปลงพระชนม์พระเจ้าอมัณฑคามินีอภัย), จูฬาภัย
, พระนางสีวลี, พระเจ้าอิฬนาค (องค์นี้เคยหนีศัตรูไปยังประเทศอินเดีย
ก่อนจะกลับมาปราบปราบได้สำเร็จ) และพระเจ้าจันทมุขสิวะ
พ.ศ.595-พ.ศ.602 : พระเจ้าสลาลกะ ติสสะ ปลงพระชนม์พระเจ้าจันทมุขสิวะ
ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์พระเจ้าวิชัย
พ.ศ.602-พ.ศ.608 : พระเจ้าสภะ (นายประตู) ตั้งวงศ์ใหม่
พ.ศ.608-พ.ศ.652 : ตั้งราชวงศ์ลัมพกัณณะโดยพระเจ้าวสภะ สมัยนี้มีการส่งเสริมการชลประทาน
ก่อกำแพงเมืองอนุราธปุระให้สูงกว่าเดิม และสร้างพระราชวังใหม่
พ.ศ.652-พ.ศ.819 : กษัตริย์ราชวงศ์ลัมพกัณณะ ครองราชย์สืบต่อกันตามลำดับ
คือ วังกนาสิกติสสะ (พ.ศ.652-655) มีการแบ่งลังกาออกเป็น
3 อาณาจักร, คชพาหุที่ 1, มหัลลกนาค, ภาติกติสสะ, กนิฏฐติสสะ,
ขุชชนาค, กุญจนาค (ปลงพระชนม์พระเจ้าขุชชนาค, สิรินาคที่
1, โวหาริก ติสสะ (ปลงพระชนม์พระเจ้าโวหาริกติสสะ), สิรินาคที่
2, วิชัยกุมาณ โคฐาภัยหรือเมฆวัณณะ อภัย (พุทธศาสนาลัทธิมหายานแพร่หลายที่สำนักอภัยคีรีวิหาร,
เชฎฐติสสะที่ 1
พ.ศ.819-พ.ศ.846 : พระเจ้ามหาเสนะขึ้นครองราชย์ ทรงสร้างสำนักสงฆ์เชตวันวิหาร
สร้างอ่างเก็บน้ำมินเนริยะ ข้อความในคัมภีร์มหาวง์จบลงในรัชกาลนี้
พ.ศ.846-พ.ศ.874 : พระเจ้าสิริเมฆวัณณะครองราชย์ เริ่มมีพิธีเคารพบูชารูปพระมหินทเถระเป็นงานเทศกาลประจำปี
ได้รับพระเขี้ยวแก้ว จากแคว้นกลิงคราฐในประเทศอินเดีย (พ.ศ.854)
ทรงสร้างวัดลังกาขึ้นที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย
พ.ศ.874-พ.ศ.883 : พระเจ้าเชฎฐติสสะที่ 2 เป็นกษัตริย์ที่สามารถยิ่งในการสลักงา
พ.ศ.883-พ.ศ.953 : ในรัชกาลของพระเจ้าพุทธทาส (883-911)
คัมภีร์ภาษาบาลีได้รับการแปลเป็นภาษาสิงหล พระเจ้าอุปติสสะที่
1 ครองราชย์ต่อมา มีการสร้างวัดและอ่างเก็บน้ำอีกหลายแห่ง
พ.ศ.953-975 : รัชกาลของพระเจ้ามหานาม พระพุทธโฆสจากอินเดียได้มาแปลพระไตรปิฏกภาษาสิงหลเป็นภาษาบาลี
(พ.ศ.953) และในปี พ.ศ.972 มีการส่งราชฑูตไปยังประเทศจีน
พระเจ้ามหานาม เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ลัมพกัณณะ
พ.ศ.975-พ.ศ.976 : พระเจ้ามิตตเสนตั้งวงศ์ใหม่ แต่รบแพ้พวกทมิฬ
พ.ศ.976-พ.ศ.1002 : พระเจ้าปัณฑุ ชนชาติทมิฬ ตั้งวงศ์ใหม่
อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา
พ.ศ.1002-พ.ศ.1020 : ตั้งราชวงศ์โมริยะโดยพระเจ้าธาตุเสน
หลังจากรบชนะพระเจ้าปิฐิยะ ในรัชกาลนี้มีการสร้างอ่างเก็บน้ำและวัดเพิ่มขึ้นอีกอย่างละ
18 แห่ง ซ่อมแซมสำนักสงฆ์ มหาวิหาร และส่งคณะฑูตศาสนาไปยังประเทศจีน
พ.ศ.1020-พ.ศ.1038 : พระเจ้ากัสสปที่ 1 ปลงพระชนม์พระเจ้าธาตุเสนผู้บิดา
สร้างพระราชวังเป็นที่ประทับ ที่เขาสีหคีรี หรือสิคิริยะ
พ.ศ.1038-พ.ศ.1064 : พระเจ้าโมคคัลลานะที่ 1 รบและชิงอำนาจจากพระเจ้ากัสสปที่
1 ทรงได้รับเส้นพระเกศาของพระเจ้าจากพุทธคยา พระเจ้ากุมารธาตุเสน
สืบราชสมบัติต่อ และพระเจ้ากิตติเสนเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายในราชวงศ์โมริยะ
พ.ศ.1064-พ.ศ.1065 : พระเจ้าสิวะปลงพระชนม์พระเจ้ากิตติเสน
(1064) และพระเจ้าอุปติสสะที่ 2 ปลงพระชนม์พระเจ้าสิวะ ตั้งวงศ์ใหม่
พ.ศ.1065-พ.ศ.1078 : พระเจ้าสิลากาลตั้งราชวงศ์ลัมพกัณณะขึ้นมาอีก
หลังจากรบชนะ พระเจ้าอุปติสสะที่ 2 พระเจ้าทาฐาปภุติผู้เป็นโอรสครองราชย์ต่อ
พ.ศ.1078-พ.ศ.1116 : พระเจ้าโมคคัลลานะที่ 2 ยึดอำนาจากพระเจ้าทาฐาปภุติ
อ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในลังกา (คืออ่างปทวิยะ) สร้างในรัชกาลนี้
พระเจ้ากิตติสิรีเมฆครองราชย์ต่อมา
พ.ศ.1098-พ.ศ.1166 : พระเจ้ามหานาคจากราชวงศ์โมริยะ ตั้งวงศ์ใหม่
พระเจ้าอัคคโพธิที่ 2 สืบราชสมบัติต่อมา
: พระเจ้าสังฆติสสะที่ 2 ตั้งวงศ์ใหม่ ถูกพระเจ้าโมคคัลลานะที่
3 ยึดอำนาจให้ครองราชย์
พ.ศ.1166-พ.ศ.1175 : ตั้งวงศ์ใหม่โดยพระเจ้าสิลาเมฆวัณณะ
มีการกำจัดภิกษุทุศีลครั้งใหญ่ในอภัยคีรีวิหาร และเกิดความขัดแย้งระหว่างกษัตริย์กับพระสงฆ์สำนักมหาวิหาร
กษัตริย์องค์ต่อมาคือพระเจ้าอัคคโพธิที่ 3 แต่ก็ถูกพระเจ้าเชฎฐติสสะที่
3 ยึดอำนาจ
พ.ศ.1176-พ.ศ.1186 : พระเจ้าอัคคโพธิที่ 3 รบชนะพระเจ้าเชฎฐติสสะที่
3 ในรัชกาลนี้เกิดสงครามกลางเมือง
พ.ศ.1186-พ.ศ.1202 : พระเจ้าทาโฐปติสสะที่ 1 ตั้งวงศ์ใหม่
เป็นยุคจราจลของลังกา เกิดสงครามกลางเมืองแย่งอำนาจกันระหว่างพระเจ้าทาโฐปติสสะที่
1 กับพระเจ้าอัคคโพธิที่ 3 ศาสนสถานต่างๆ ถูกทำลาย ต่อมาพระเจ้ากัสสปที่
2 ขับไล่พระเจ้าทาโฐปติสสะ ที่ 1 ออกไป กษัตริย์องค์ต่อมาคือ
พระเจ้าทัปปุละที่ 1 ต้องเสด็จหนีกลับไปยังแคว้นโรหณะที่เคยประทับ
พ.ศ.1202-พ.ศ.1227 : พระเจ้าทาโฐปติสสะที่ 2 ใช้ทหารรับจ้างชาวทมิฬรบได้ชัยชนะ
อภัยคีรีวิหารได้รับการสนับสนุน สำนักมหาวิหารถูกก่อกวน
ในรัชกาลพระเจ้าอัคคโพธิที่ 4 (1210-1226) เป็นยุคที่อำนาจของข้าราชการทมิฬเจริญถึงขีดสุด
กษัตริย์เสด็จประทับที่เมืองโปลอนนารุวะ
: ระหว่าง พ.ศ.1226-1227 เสนาบดีชื่อ โปตถกุฎฐะ เป็นชาวทมิฬ
หนุนพระเจ้าทัตตะและพระเจ้าหัตถทาฐะขึ้นครองราชย์ตามลำดับ
พ.ศ.1227-1376 : พระเจ้ามานวัมมะ นำกองทัพราชวงศ์ปัลลวะจากอินเดียเข้ามายึดอำนาจจากอิทธิพลของพวกทมิฬได้สำเร็จ
อำนาจทมิฬเสื่อมลง ศิลปะปัลลวะแพร่หลายในเกาะลังกา
พ.ศ.1376-พ.ศ.1396 : พระเจ้าเสนะที่ 1 ครองราชย์ ราชวงศ์ปาณฑยะจากภาคใต้ของอินเดียเข้ามารุกรานยึดเกาะลังกาบางส่วน
ต่อมาพระเจ้าเสนะที่ 2 (1396-1430) ส่งกองทัพไปยึดดินแดนของราชวงศ์ปาณฑยะ
จนถึงราชธานี
พ.ศ.1475-พ.ศ.1489 : พระเจ้ากัสสปที่ 5 ทรงแต่งศัพทานุกรมภาษาสิงหล
มีการส่งกองทัพไปช่วยพวกปาณฑยะรบกับพวกโจฬะในประเทศอินเดียแต่ปราชัยกลับมา
พ.ศ.1489-.ศ.1497 : รัชกาลของพระเจ้าอุทัยที่ 4 กองทัพโจฬะเข้ามายึดเมืองอนุราธะ
ไว้ได้ พระเจ้าเสนะที่ 4 ขึ้นครองราชย์ต่อมา
พ.ศ.1499-พ.ศ.1515 : พระเจ้ามหินทะที่ 4 ครองราชย์ ลังกาถูกรุราน
2 ครั้ง คือ พ.ศ.1501 กองทัพราชวงษ์ราษฏรกูฏะ จากอินเดีย
และ พ.ศ. 1502 กองทัพพวกโจฬะข้ามมารุกราน แต่ก็พ้นภัยมาได้
พ.ศ.1515-พ.ศ.1525 : พระเจ้าเสนะที่ 5 รบกับเสนาบดี ทหารรับจ้างชาติทมิฬเที่ยวปล้นสะดม
ก่อความวุ่นวายไปทั่วประเทศ
พ.ศ.1525-พ.ศ.1572 : ในรัชกาลของพระเจ้ามหินทะที่ 5 เกิดจราจล
เมืองอนุราธปุระ ถูกกองทัพของพระเจ้าราชราชะที่ 1 แห่งราชวงศ์โจฬะยึดครอง
แคว้นรัชรฏะทางภาคเหนือก็ถูกพวกโจฬะปกครอง เมืองอนุราธปุระถูกย้ายไปขึ้นต่อเมืองโปลอนนารุวะ
: พระเจ้ามหินทะที่ 5 ครองแคว้นโรหณะทางภาคใต้ และในที่สุด
กองทัพโจฬะก็จับพระองค์ได้ในปีพ.ศ.1560
พ.ศ.1583-พ.ศ.1589 : มีการตั้งวงศ์ใหม่ 3 ครั้ง คือ พร่ะเจ้ามหาลานกิตติ
(1583-1585), พระเจ้าวิกกัมปัณฑุจากราชวงศ์ปาณฑยะ (1585-1586)
และพระเจ้าชคตีปาล จากแคว้นอูธ ทางภาคเหนือ (1586-1589)
ทั้ง 3 ราชวงศ์นี้ครองเฉพาะแคว้นโรหณะเท่านั้น
พ.ศ.1589-1598 : พระเจ้าโลกะและพระเจ้ากัสสปตั้งวงศ์ใหม่ตามลำดับ
โดยได้ครองเฉพาะแคว้นโรหณะเหมือนกัน
2.ศรีลังกาสมัยโปโลนนารุวะ
(พ.ศ.1598-พ.ศ.1779)
พ.ศ.1598-พ.ศ.1693 : พระเจ้าวิชัยพาหุ พระญาติของพระเจ้ามานวัมมะ
ตีเอาเมืองโปลอนนารุวะคืนมาได้จากพวกโจฬะ สามารถขับไล่พวกโจฬะออกไปจากเกาะลังกาได้อย่างสิ้นเชิง
ในปีพ.ศ.1613 ทรงสร้างพระราชวังใหม่ที่อนุราธปุระ แต่ภายหลังก็ย้ายมาประทับที่โปลอนนารุวะ
ที่เมืองนื้ทรงสร้างพระราชวัง สร้างแพงและคูล้อมรอบเมือง
และสร้างวัดพระเขี้ยวแก้ว, ทรงขอพระเถระจากพม่ามาฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในเกาะลังกาและส่งราชฑูตไปบูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา
พ.ศ.1653-พ.ศ.1654 : เกิดสงครามระหว่างพระเจ้าชัยพาหุที่
1 กับพระเจ้าวิกรมพาหุ
พ.ศ.1654-พ.ศ.1675 : รัชกาลที่พระเจ้าวิกรมพาหุที่ 1 การปกครองเป็นไปอย่างกดขี่
ลังกาแบ่งออกเป็น 4 แคว้น, พระสงฆ์นำเขี้ยวแก้วและพระพุทธบาตรไปซ่อนไว้ที่แคว้นโรหณะ
พ.ศ.1969-พ.ศ.1730 : พระเจ้าปรากรมพาหุที่ 1 จากแคว้นทักขิณเทศ
ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะลังกา มารบชนะพระเจ้าคชพาหุที่
2 ได้เมืองโปลอนนารุวะไว้ครอบครอง
: ในรัชกาลนี้มีการชำระพระสงฆ์ทุศีลรวม 3 นิกายสงฆ์เป็นนิกายเดียวกัน
มีการสร้างวัด จัดอุปสมบททุกปีที่มณฑปกลางน้ำ สร้างเมืองโปลอนนารุวะให้สมกับเป็นราชธานี
สร้างพระราชวัง ซ่อมกำแพงเมือง ด้านศาสนามีการสร้างวัดอาฬาหนบริเวณคัลวิหารเจดีย์ทมิฬ
วัดเหนือ(ติวังกะ) สระบัว 8 กลีบ ซ่อมเจดีย์และวิหารที่เมืองอนุราธปุระ
: แคว้นโรหณะถูกปราบปราม เกาะลังการวมเป็นประเทศเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง
พระเขี้ยวแก้วและพระพุทธบาตรกลับมาอยู่ยังราชธานีดังเดิม
: มีการยกกองทัพลังกาไปรุกรานประเทศพม่า (1707-1708) และภาคใต้ของประเทศอินเดีย
พ.ศ.1730-พ.ศ.1739 : พระเจ้านิสสังกมัลละตั้งราชวงศ์ลิงค์
ยกทัพไปรุกรานภาคใต้ของอินเดีย แต่ล้มเหลว มีการติดต่อกับแคว้นอันธาระ
โอริสสา เบงกอล คุชรัต พม่า และกัมพูชา
: ด้านการศาสนามีการกำจัดภิกษุทุศีล สร้างเจดีย์รังโกต ซ่อมวฎะทาเค
ยังตะทาเค สร้างนิสสังกลตามณฑป
พ.ศ.1739-พ.ศ.1758 : พระเจ้าโจฑคังคะ ปลงพระชนม์พระเจ้าวิกรมพาหุที่
2 , พวกทมิฬเข้าทำลายโปลอนนารุวะ
พ.ศ.1758-พ.ศ.1779 : พระเจ้ามาฆะ (ชาวลิงค์จากแหลมมลายู)
ตั้งวงศ์ใหม่ พระพุทธศาสนาและประชาชนถูกข่มเหงรังแก
3.ศรีลังกาสมัยหลัง
(พ.ศ.1759 พ.ศ.2051)
พ.ศ.1775-พ.ศ.1779 : พระเจ้าวิชัยพาหุที่ 3 ตั้งราชวงศ์ทัมพเทณิยะ
ครองเฉพาะแคว้นมายารัฎ ทางทิศตะวันตกของเกาะลังกา ได้พระเขี้ยวแก้วและพระพุทธบาตรมารักษา
พ.ศ.1779-พ.ศ.1813 : พระเจ้าปรากรมพาหุที่ 1 เป็นกษัตริย์จากแคว้นมายารัฏ
ได้สู้รบกับพระเจ้าจันทรภาณุ (ชาววะกะ) แห่งอาณาจักรตามพรลิงค์
(นครศรีธรรมราช) และกำจัดพระเจ้ามาฆะได้ในปี พ.ศ.1798
พ.ศ.1813-พ.ศ.1818 : พระเจ้าวิชัยพาหุที่ 4 ถูกนายพลชื่อมิตตะปลงพระชนม์
พ.ศ.1818-พ.ศ.1827 : ตรงกับรัชกาลของพ่อขุนรามคำแหง พระเจ้าภูวไนกพาหที่
1 ครองราชย์ ย้ายราชธานีไปอยู่ที่เมืองยาปวุวะ มีการติดต่อกลับพวกอาหรับ,
ลังกาว่ากษัตริย์ปกครองระหว่างปี พ.ศ.1828-1829
พ.ศ.1830-พ.ศ.1836 : ตรงกับรัชกาลของพ่อขุนรามคำแหง พระเจ้าปรากรมพาหุที่
3 ครองราชย์ที่เมืองโปลอนนารุวะ ได้ราวงศ์ปาณฑยะคุ้มครอง,
มาร์โคโปโล ผ่านเกาะลังกา (1835)
พ.ศ.1845-พ.ศ.1869 : พระเจ้าปรากรพาหุที่ 4 เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ทัมพเทณิยะ
ครองราชย์ที่เมืองกุรุเนคละ ทรงอุปถัมภ์อักษรศาสตร์
พ.ศ.1887-พ.ศ.1902 : พระเจ้าปรากรมที่ 5 และพระเจ้าภูวไนกพาหุที่
4 ครองราชย์ร่วมสมัยกัน สมัยเดียวกันกับพระเจ้าลิไทของไทย
มีราชธานีอยู่เมืองเททิคาม แต่ภายหลังก็เสด็จไปอยู่ที่แคว้นโรหณะ,
ลังกาแบ่งออกเป็น 3 แคว้น
พ.ศ.1915-พ.ศ.1951 : เชงโฆ ขันทีจีน นำกองทัพขึ้นบกที่เกาะลังกาและกลับมารบชนะลังกาในพ.ศ.
1954
พ.ศ.1955-พ.ศ.2010 : พระเจ้าปรากรมที 6 ชนชาติลังกา ได้รับการสถาปนาให้เป็นกษัตริย์โดยจีน
ภายหลังย้ายไปประทับที่เมืองโกฎเฎ สร้างพระราชวังและวัดพระเขี้ยวแก้ว
: กองทัพวิชัยนครยึดอาณาจักรแจฟนาได้ จนถึง พ.ศ. 1993 พระเจ้าปรากรมที่
6 จึงสามารถตีคืนแจฟนาได้ รวมเกาะลังกาเป็นประเทศเดียวกัน
วรรณคดีลังกา พระพุทธศาสนาและศาสนาฮินดูได้รับการบำรุงส่งเสริมไปพร้อมๆ
กันในยุคนี้
พ.ศ.2010-พ.ศ.2012 : พระเจ้าวิชัยพาหุที่ 2 ขึ้นครองราชย์
พ.ศ.2013-พ.ศ.2021 : ศาสนฑูตจากเมืองหงสาวดีเข้ามาติดต่อปลายรัชสมัย
เกาะลังกาแบ่งแยกเป็น 3 อาณาจักรอีก
พ.ศ.2027-พ.ศ.2051 : รัชกาลของพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 8 ทรงปลงพระชนม์พระเจ้าปรากรมพาหุที่
7 ที่ขึ้นครองราชย์ก่อนนหน้านี้
4.ศรีลังกาสมัยใหม่
(พ.ศ.2051-พ.ศ.2358) ยุคประเทศตะวันตกปกครอง
พ.ศ.2051-พ.ศ.2052 : พระเจ้าปรากรมพาหุที่ 9 ขึ้นครองราชย์
ประทับที่เมืองโกฎเฎ
พ.ศ.2077-พ.ศ.2085 : รัชกาลของพระเจ้าภูวไนกพาหุที่ 7 ลังกาแบ่งออกเป็น
4 อาณาจักร
พ.ศ.2085-พ.ศ.21254 : พระเจ้าธรรมปาละตั้งวงศ์ใหม่ เข้ารีตเป็นคาธอลิก
โปรตุเกสได้เมืองโคลัมโบเป็นฐานที่มั่น
พ.ศ.2124-พ.ศ.2135 : พระเจ้าราชสิงห์ที่ 1 ตั้งวงศ์ใหม่
ประทับที่เมืองเสตวัจจะ
พ.ศ.2135-พ.ศ.2358 : เมืองแคนดี หรือ ศิริวัฒนบุรี เป็นราชธานี
พระเจ้ากิตติศิริราชสิงห์ ครองราชย์ร (2290-2324) ตรงกับรัชกาลของพระเจ้าบรมโกศ
กรุงศรีอยุธยา สมณฑูตลังกามาขอพระสงฆ์สยามนิกายไปอุปสมบทชาวลังกา
พ.ศ.2341-พ.ศ.2358 : พระเจ้าศิริราชาธิราชสีหะ เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ลังกา
ถูกอังกฤษจับไปในพ.ศ.2358
พ.ศ.2338-พ.ศ.2491 : อังกฤษยึดครองเกาะลังกาได้ มีการปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดิน,
การเลิกทาส, การปฏิรูปการศึกษา
5.ศรีลังกาสมัยปัจจุบัน
พ.ศ.2474 : ศรีลังกาปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
พ.ศ.2491 : ชาวสิงหลและทมิฬมีการแบ่งเขตกันอยู่
พ.ศ.2525 : ศรีลังกาได้เลือกประธานาธิบดีครั้งแรก
พ.ศ.2526 : เกิดความขัดแย้งรุนแรงครั้งใหญ่ระหว่างชาวสิงหล
กับชาวทมิฬ
พ.ศ.2530 : ศรีลังกาขอความช่วยเหลือจากอินเดียเพื่อแก้ไขปัญหาไกล่เกลี่ยชาวสิงหลกับชาวทมิฬ |