บริษัททัวร์ โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์
โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์
ท่องเที่ยว 77 จังหวัด
ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028
ติดต่อเจ้าหน้าที่ออฟฟิต
รางวัลจากการท่องเที่ยว
ติดตามข่าวสารของเรา
ทัวร์จีน
ทัวร์อินเดีย
ทัวร์ภูฏาน
ทัวร์เนปาล
ลารุงการ์ เมืองเซอต๋า
เต้าเฉิง เมืองสรวงสวรรค์
ย่าติง แชงกรีล่าแห่งสุดท้าย
เมืองตันปา หุบเขาสาวงาม
ต๋ากู่ปิงชวน อุทยานสวรรค์
ซงผิงโกว ทะเลสาบเปลี่ยนสี
เมืองเดียนเบียนฟู
เมืองมกโจว
เมืองไมโจว
มณฑลซานซี
พม่า ประเทศพม่า
พุกาม
มัณฑะเลย์
ลาว ประเทศลาว
ภาษาลาว
หลวงพระบาง
ทุ่งไหหิน เชียงขวาง
ประเทศเวียดนาม
ทัวร์เวียดนาม
เที่ยวเวียดนาม
ภาษาเวียดนาม
นครวัด
ภาษาเขมร
กัมพูชา เที่ยวกัมพูชา
ประเทศเนปาล
ทัวร์เนปาล
เที่ยวเนปาล
ประเทศเกาหลี
เที่ยวเกาหลี
ภาษาเกาหลี
ประเทศภูฏาน
วัดทักซัง
ทัวร์ภูฏาน
บาหลี
บุโรพุทโธ
เกาะบาหลี
ประเทศอินเดีย
พุทธคยา
แคชเมียร์
ทัวร์อินเดีย
ประเทศศรีลังกา
ระบำศรีลังกา
วัดพระเขี้ยวแก้ว
ประเทศตุรกี
ทัวร์ตุรกี สุเหร่าสีฟ้า
เที่ยวตุรกี อิสตันบูล
ประเทศอียิปต์
มหาพีระมิดกีซ่า
อารยธรรมอียิปต์
ปักกิ่ง
ฉงชิ่ง
ซีอาน
จิ่วจ้ายโกว
จางเจียเจี้ย
ไต้หวัน
อุทยานทาโรโกะ
ทะเลสาบสุริยันจันทรา
ประเทศมาเลเซีย
ท่องเที่ยวมาเลเซีย
เก็นติ้งไฮแลนด์
มาเลเซีย มะละกา
อิหร่าน
ประเทศอิหร่าน
จัตุรัสอิหม่าม
โมร็อกโก
เมืองเฟส (Fes)
พระราชวังบาเฮีย
โครเอเชีย
อุทยานพลิตวิเซ่
สโลวีเนีย
แม่ฮ่องสอน
ปางอุ๋ง
ทุ่งดอกบัวตอง
ถ้ำแก้วโกมล
จังหวัดน่าน
ดอยภูคา
ดอยตุง
พระธาตุดอยตุง
ดอยอ่างขาง
น้ำตกลงรู
ดงนาทาม
สามพันโบก
กาญจนบุรี
ประจวบคีรีขันธ์
ราชบุรี
อยุธยา
ชลบุรี
ระยอง
จันทบุรี
ตราด
กระบี่
ชุมพร
ตรัง
พังงา
ระนอง
สตูล
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศศรีลังกา
เมืองอนุราธปุระ (เมืองมรดกโลก) เมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกา
เที่ยวชมเมืองมรดกโลก เมืองอนุราธปุระ เมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
ประติมากรรม วัดอิสุรุมุณิยะ
รูปสลักหินคู่รัก The Lover
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
ประติมากรรม วัดอิสุรุมุณิยะ
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
เที่ยวศรีลังกา วัดอิสุรุมุณิยะ เมืองอนุราธปุระ
เที่ยวศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ เมืองอนุราธปุระ
เที่ยวศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ เมืองอนุราธปุระ
วัดอิสุรุมุณิยะ เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
รูปสลักหิน วัดอิสุรุมุณิยะ เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
รูปสลักหินคู่รัก The Lover
วัดอิสุรุมุณิยะ เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
เมืองอนุราธปุระ : เมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกา ถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนา
เมืองอนุราชปุระ
ห่างจากกรุงโคลัมโบ ไปทางทิศเหนือ ประมาณ 206 กิโลเมตร
ประวัติความเป็นมาของเมืองอนุราธปุระ :
ชาวสิงหลได้อพยพมาจากประเทศอินเดียตอนเหนือมาอยู่ที่เกาะลังกา เมื่อประมาณ 543 ปีก่อนคริสตกาล ตามพงศาวดารคัมภีร์มหาวงศ์ เล่าไว้ว่า เจ้าชายวิชัย โอรสของพระเจ้าสีหพาหุ ผู้ครองนครสีหบุรีรัตนราชธานี มีความประพฤติเกกมะเหรกเกเร ซ่องสุมอันธพาลก่อความเดือดร้อนในแผ่นดิน เมื่อพระราชบิดาทรงทราบได้ทรงเนรเทศเจ้าชายวิชัยและบริวารออกไปจากราชธานี โดยจับโกนศีรษะครึ่งหนึ่งแล้วใส่เรือปล่อยไปในทะเล และเรือลำนั้นได้ไปถึงเกาะลังกา กล่าวกันว่า วันที่เจ้าชายวิชัยถึงเกาะลังกาเป็นวันเดียวกับที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน
เมื่อมาถึงลังกา เจ้าชายวิชัยพบว่า ณ เกาะแห่งนี้เป็นดินแดนของพวกยักษ์ ซึ่งอาจตีความได้ว่าเป็นชนพื้นเมืองที่อยู่บนเกาะ พระองค์เลยทรงผูกมิตรกับนางกุเวนิ บุตรสาวหัวหน้ายักษ์ ได้นางเป็นชายา ในที่สุดนางกุเวนิได้มีส่วนช่วยพระองค์ปราบปรามยักษ์จนอยู่ในอำนาจ จากนั้นเจ้าชายวิชัยทรงส่งบริวารของพระองค์แยกย้ายกันออกไปสร้างเมืองต่าง ๆ ตามชื่อของบริวารนั้นๆ ได้แก่ อุปติสสคาม อนุราธคาม อุเชนิคาม อุรุเวลคาม และวิชิตคาม เป็นต้น
เมื่อเจ้าชายวิชัยมิได้สถาปนาพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ในเบื้องแรก เพราะยังทรงหาพระราชินีมาร่วมราชบัลลังก์ยังไม่ได้ ต่อมามีพระราชสาส์นไปขอเจ้าหญิงราชธิดาของพระเจ้าปัณฑราชแห่งเมืองมถุรา ที่อินเดียตอนใต้ พระเจ้าปัณฑราชไม่ขัดข้อง ทรงส่งพระราชธิดา กุลสตรีมีตระกูล 100 นาง และชาวเมืองมถุรา 1,000 ครอบครัว เดินทางมาเกาะลังกาเพื่อมาตั้งถิ่นฐานในเมืองใหม่ คนเหล่านี้ก็ได้มาแต่งงานกับข้าราชบริพารของเจ้าชายวิชัย มีลูกหลานสืบต่อกันมา เรียกว่า ชาวสิงหล
เมื่อเจ้าชายวิชัยได้อภิเษกสมรสกับพระราชธิดาพระเจ้าปัณฑราชแล้ว ได้สถาปนาพระองค์เองเป็นพระมหาษัตริย์ปกครองบ้านเมืองต่อมา แต่ไม่ทรงมีพระราชโอรสสืบต่อพระราชบัลลังก์เลย จึงทรงส่งพระราชสาส์นไปทูลเชิญเจ้าชายสุมิตรพระอนุชาของพระองค์ที่เมืองสีหบุรีรัตน์มาครองราชย์สืบแทน เจ้าชายสุมิตรทรงส่งพระราชโอรสองค์เล็กคือ เจ้าชายปัณฑวาสุเทวะ พร้อมข้าราชบริการมายังเกาะลังกา เจ้าชายปัณฑสุเทวะอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงภัทธกัจจายะ เจ้าหญิงเผ่าอารยันจากอินเดีย มีพระราชโอรสและพระราชธิดา 11 พระองค์
เมื่อพระเจ้าปัณฑวาสุเทวะเสด็จสวรรคต เจ้าชายอภัย พระราชโอรสองค์ใหญ่ได้ครองราชย์สืบต่อมา เจ้าชายอภัยมีพระขนิษฐาองค์สุดท้องคือเจ้าหญิงจิตรกุมารี ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายฑีฑามนี พระโอรสของพระปิตุลา ซึ่งเป็นพระเชษฐาของพระนางภัทธกัจจายะ มีพระโอรสพระองค์หนึ่งคือ เจ้าชายปัณฑุกาภัย
พระเจ้าอภัยทรงมีพระเมตตาต่อเจ้าหญิงจิตรกุมารีและเจ้าชายปัณฑุกาภัย พระนัดดามาโดยตลอด แม้ว่าโหราจารย์ได้ทำนายไว้ว่าพระโอรสของเจ้าหญิงจิตรกุมารีจะปลงพระชนม์พระปิตุลาทุกพระองค์
ฝ่ายพระอนุชาอีก 9 องค์ของพระเจ้าอภัย ทรงเชื่อคำทำนายของโหราจารย์ จึงเกลียดชังเจ้าชายปัณฑุกาภัยยิ่งนัก วางแผนกำจัดพระนัดดาให้สิ้นพระชนม์ไป ก่อนที่พวกพระองค์จะโดนปลงพระชนม์ตามคำทำนายของโหราจารย์ ปรากฎว่าเจ้าชายปัณฑุกาภัยเอาพระชนม์ชีพรอดมาได้ทุกครั้ง เกิดความแค้นเคืองฝังแน่นในพระอุระ จึงได้พยายามฝึกฝนวิทยายุทธ์ต่างๆ และซ่องสุมชายฉกรรจ์จนมีกำลังมาก ความทราบถึงพระกรรณของพระเจ้าอภัย แทนที่พระองค์จะทรงระแวงภัย กลับเข้าข้างพระนัดดา ทำให้พระอนุชาไม่พอพระทัยมาก ในที่สุดก็ทรงรวมกันบังคับให้พระเจ้าอภัยสละราชสมบัติให้เจ้าชายดิศราชกุมารพระอนุชาองค์ถัดมา
เจ้าชายปัณฑุกาภัยจึงใช้โอกาสนี้ประกาศสงครามกับพระปิตุลาทั้งเก้า พระปิตุลาทั้งเก้าสิ้นพระชนม์ในการรบ เหลือเพียงพระเจ้าอภัยพระองค์เดียวที่ไม่ได้โดนปลงพระชนม์ เมื่อเจ้าชายปัณฑุกาภัยได้ชัยชนะ ในปีพ.ศ.105 พระเจ้าปัณฑถุกาภัยก็ทรงย้ายไปตั้งเมืองหลวงที่อนุราธคาม ซึ่งกลายมาเป็นเมืองอนุราธปุระตั้งแต่นั้นมา ต่อมาทรงสถาปนาเป็นราชธานี ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงสุวรรณบาลีขัตติยา ทำพิธีราชาภิเษกเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ที่ 4 ของศรีลังกา การปกครองในรัชกาลเจ้าชายปัณฑุกาภัยนี้ จัดเป็นยุครุ่งเรืองในประวัติศาสตร์ศรีลังกา เป็นการปกครองด้วยระบบเทศบาล การก่อสร้างเจริญก้าวหน้า สามารถสร้างอ่างเก็บน้ำได้ในสมัยนี้
ในปีพ.ศ.1376-1396 เป็นรัชกาลของพระเจ้าเสนะที่ 1 ในรัชกาลนี้เอง กองทัพราชวงศ์ปาณฑยะจากอินเดียตอนใต้ ก็เคลื่อนกำลังเข้ามารุกรานลังกา ยึดภาคเหนือไว้ได้ทั้งหมด เมืองอนุราธปุระถูกปล้นสะดมยับเยิน พระเจ้าเสนะต้องอพยพไปประทับที่เมืองโปลอนนารุวะจนสิ้นรัชกาล ในปีพ.ศ. 1476 เมืองอนุราธปุระถูกทำลายพินาศถึงกาลอวสาน ชาวสิงหลต้องถอยร่นไปทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเมืองหลวงใหม่ที่เมืองโปโลนนารุวะ
เจดีย์รุวันเวลิ เมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
เจดีย์รุวันเวลิ เมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
เจดีย์รุวันเวลิ เมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
เจดีย์ถูปาราม เมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
มูนสโตน เมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
สระน้ำโบราณ เมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
เจดีย์อภัยคีรี เมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
วัดอิสุรุมุณิยะ ศรีลังกา
เจดีย์ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ
มูนสโตน เมืองเก่าอนุราธปุระ
เจดีย์อภัยคีรี เมืองอนุราธปุระ
สถานที่และโบราณสถานที่สำคัญในเมืองอนุราธปุระ
มหาวิหาร
: เป็นวัดแห่งแรกที่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะสร้างถวายแด่สงฆ์ อยู่ทางใต้ของเมือง บริเวณนี้เคยเป็นอุทยานของพระเจ้ามุฏสิวะ พระราชบิดาของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ
เจดีย์ถูปาราม
: เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาองค์แรกที่สร้างขึ้นในเกาะลังกา โดยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ทรงสร้างขึ้นในราว พ.ศ. 300 ซึ่งเป็นเจดีย์หรือสถูปที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองอนุราธปุระ และในเกาะลังกา เพื่อประดิษฐานกระดูกพระรากขวัญ(ไหปลาร้า)เบื้องขวาของพระพุทธองค์ ในครั้งที่พระมหินท์พระโอรสของพระเจ้าอโศกมหาราชจากอินเดียได้เสด็จมาเผยแผ่พุทธศาสนาในเกาะลังกา
เจดีย์ถูปารามเดิมสร้างเป็นรูปลอมฟาง มีเสาหินเรียงรายอยู่ 3 แถว แสดงว่าเคยมีหลังคาเครื่องไม่มุงกระเบื้องคลุมอยู่อีกชั้นหนึ่ง ลักษณะเจดีย์แบบนี้ในลังกาเรียกว่า วฏะทาเค ตั้งอยู่บนลานทักษิณ ทุกคนต้องถอดรองเท้าก่อน แล้วเดินขึ้นบันได 8 ขั้น จึงจะถึงลานองค์เจดีย์มีการซ่อมแซมหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ศ.2405 มีชาวบ้านขายดอกไม้ธูปเทียนตรงทางขึ้นด้านหน้า โดยให้เอาเงินใส่กล่องทำบุญตามกำลังศัทธา มีพระพุทธรูปนั้งปางสมาธิในซุ้มทั้งสี่ทิศ เพื่อการสักการบูชาได้ทุกทิศเพื่อความเป็นศิริมงคล
โลหะปราสาท
: ซึ่งเป็นหนึ่งในสามแห่งของโลก แห่งแรกอยู่ที่อินเดีย แห่งสุดท้ายอยู่ที่วัดราชนัดดา กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นแห่งเดียวที่ยังสมบูรณ์อยู่ ทั้งในอินเดีย และศรีลังกาได้พังทลายลงไปหมดสิ้นแล้ว โลหะปราสาทที่อนุราชปุระนี้ สร้างในครั้งแรกโดยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ต่อมาในสมัยพระเจ้าทุฏฐคามณี ได้สร้างเพิ่มถวายเป็นพุทธบูชาสำหรับพระของวัดมหาวิหารจำพรรษา ปราสาทแห่งนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมสูง 9 ชั้น แต่ละชั้นมี 100 ห้อง หลังคามุงกระเบื้องด้วยโลหะทองแดงผสม ทำให้ได้ชื่อว่า โลหะปราสาท แต่ละห้องประดับด้วยอัญมณีมีค่าชนิดต่างๆ สำหรับพระสงฆ์ผู้ทรงภูมิความรู้ได้พักอาศัยและนั่งวิปัสนากรรมฐาน โละปราสาทนี้ถูกไฟไหม้เสียหายหมดในสมัยพระเจ้าลัญชติสสะ ผู้ครองราชต่อจากพระเจ้าทุฏฐคามณี พระองค์จึงสร้างขึ้นใหม่เพียง 7 ชั้นเท่านั้น ต่อจากนั้นก็มีการซ่อมแซมหลายครั้งมาถึงพุทธศตวรรษที่ 16 ถูกทำลายโดยพวกโจฬะ ที่ชอบมารุกรานเกาะลังกา ซากที่เห้นกันอยู่ในปัจจุบัน สร้างขั้นใหม่ใยสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 1 มหาราช ต้นพุทธศตวรรษที่ 18 และปัจจุบันหลงเหลืออยู่เพียงชั้นฐานของอาคาร มีซากของเสาหินตั้งเรียงรายอยู่ 1,600 ต้น แบ่งออกเป็น 40 แถว แถวละ 40 ต้น
ต้นศรีมหาโพธิ์
: มีความสำคัญมาก ถือว่าเป็นต้นโพธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เพราะเชื่อกันว่าพระนางเถรีสังฆมิตตา พระราชธิกาของพระเจ้าอโศกมหาราชทรงผนวชเป็นภิกษุณี เป็นผู้นำหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้มาจากพุทธคยา อินเดีย มาปลูกไว้ที่เมือง อนุราชปุระ พ.ศ.235 มีอายุกว่า 2500 ปีแล้ว จึงมีขนาดแคระแกรน ทางเมืองอนุราชปุระจึงพยายามรักษาด้วยการทำไม้ค้ำยันกิ่งก้านสาขาของต้นศรีมหาโพธิ์ไว้เป็นจำนวนมาก ในบริเวณเดียวกันมีต้นศรีมหาโพธิ์ที่แตกหน่อขายจากต้นเดียวกันดั้งเดิมอีกหลายต้นน ต้นที่แตกใหม่จะมีขนาดใหญ่กว่าต้นเดิมมาก พุทธศาสนิกชนที่มีความเลื่มใสจะเก็บใบของพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งหาได้ยากมาก เพือนำมาบูชาเป็นสิริมงคลแกตนเอง
เจดีย์รุวันเวลิ
: หรือ มหาถูปา หรือ สุวรรณมาลิกเจดีย์ เป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองอนุราชปุระ มีขนาดกว้าง 100 เมตร สูง 100 เมตร เป็นเจดีย์ทรงกลมฟองน้ำ มีกำแพงประดับด้วยช้างหินล้อมรอบรวม 362 เชื่อก มีเนื้อที่ 12.5 ไร่ ตามตำนานกล่าวว่า ในสมัยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะมีพระประสงค์จะสร้างพุทธสถานอีกแห่งหนึ่งตรงบริเวณที่เป็นเจดีย์รุวันเวลิในเวลาต่อมา และพระมหินทเถระได้พยากรณ์การก่อสร้างไว้ให้ แต่ยังมิทันได้สร้าง พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน เจดีย์รุวันเวลิสร้างสำเร็จโดยพระเจ้าทุฎฐาคามีนีอภัย โดยพระเจดีย์รุวันเวลิสร้างเสร็จในวันที่พระองค์เสด็จสวรรคต
กุฏฏัมและโปกุณะ
: สระสรงน้ำสองสระคู่(สระแฝด) เป็นสถานที่สรงน้ำของกษัตริย์ลังกา พระมเหสีและพระสนมทั้งหลาย เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าย่อมุม สร้างด้วยหินมีลวดลายแกะสลักงดงาม มีเครื่องหมายเป็นหม้อแห่งความอุดมสมบูรณ์ เรียกว่า ปุรณฆฏะ สลักจากหินรูปร่างกลมมีลายดอกไม้ใบไม้ ประดับอยู่ขอบสระสองข้างบันทางลง และมีรูปพญานาคสลักอยู่ด้วย ถือกันว่าเป็นผู้คุ้มครองสระน้ำทั้งสองแห่งนี้
อภัยคีรีเจดีย์
: เป็นเจดีย์ยืนขนาดใหญ่และมีความสำคัญมาก ตั้งอยู่ในวัดอภัยคีรีวิหาร สร้างโดยพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัยเมื่อราว 2,100 ปีมาแล้ว สูง 113 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลาง 110 เมตร เป็นเจดีย์ใหญอันดับสองรองจากเจดีย์เชตวัน วัดอภัยคีรีวิหารแห่งนี้เป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธศาสนาลัทิมหายานเจริญรุ่งเรืองอยู่ บริเวณวัดอภัยคีรีมีพระพุทธรูปแกะสลักจากหินองค์ใหญ่ นั่งปางสมาธิครองจีวรเรียบไม่มีริ้ว ศิลปะอนุราธปุระ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 9 10 เดิมมี 4 องค์ล้อมรอบต้นโพธิ์ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงองค์เดียว ทางรัฐบาลได้สร้างหลังคาคลุมให้ภายหลัง ด้านหน้าองค์เจดีย์มีวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ ก่ออิฐถือปูนทาสีสดใสยาวประมาณ 10 เมตร
วัดอภัยคีรี
(อุตตราวิหาร หรือวัดเหนือ) : เคยเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในศรีลังกา เป็นที่อยู่ของพระ 5,000 รูป มีพื้นที่มากกว่า 500 เอเคอร์ วัดอภัยคีรีสร้างโดยพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัยครองราชย์ครั้งแรกปี พ.ศ. 440 ต่อมาเสียราชบัลลังก์ให้แก่พวกทมิฬจากอินเดียใต้ และชิงคืนมาได้เมื่อ พ.ศ. 454-466
เจดีย์เชตวัน
: อยู่ทางตะวันออกของมหาถูปา เป็นพระเจดีญ์ใหญ่สร้างด้วยอิฐทั้งองค์ในสมัยพระเจ้ามหาเสนะ ครองราช พ.ศ. 819 846 เป็นเจดีย์ มีความสูง 122 เมตร เป็นเจดีย์ใหญ่ที่สุดในโลก และ เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับ สาม ของโลกในยุคสมัยเดียวกัน เป็นรอง ปิรามิด สองแห่งในอียิป ฐานเจดีย์มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 113 เมตร
วัดเชตวัน
: เป็นวัดที่สร้างล้อมรอบพระเจดีย์เชตวันมีซากอาคารโบราณหลงเหลืออยู่มากมาย เช่น อาคารที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา กุฏิพระ ที่สรงน้ำพระ ศาลาโรงธรรม อ่างเก็บน้ำ
วิหารอิสุรุมุณิยะ
: เป็นวัดเล็กในพุทธศาสนา ตั้งอยู่ติดกัยภุเขาเตี้ยๆ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีภาพสลักบนหน้าผา เป็นภาพการเสด็จลงจากสวรรค์ของแม่พระคงคา ณ มาวลีปุรัม ในอินเดีย อายุราว พุทธศตวรรษที่ 12 สมัยราชวงศ์ปัลลวะ มีภาพช้างสลักอยู่หลายเชือก ตรงกลางหน้าผามีรอยแตกมีน้ำฝนไหลลงมาได้ ถือเป้นการเสด็จลงของแม่พระคงคา ทางด้านซ้ายมือข้างบนมีรูปสลักผู้ชายนั่งชันเข่าข้างหนึ่งเรียกว่าท่า มหาราชลีลา นั่งอยู่คู่กับม้าสันนิษฐานว่าเป็นรูปท้าวกบิลกำลังนั่งเฝ้าม้าที่จะส่งไปเข้าพิธี อัศวเมธ
ประติมากรรมหลายชิ้นที่วิหารอิสุรุมุณิยะ เดิมถูกทิ้งไว้กลางแจ้ง ปัจจุบันทางรัฐบาลศรีลังกา ได้สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ชั้นเดียว แล้วย้ายรูปประติมากรรม ไปจัดเก็บรวบรวมและจัดแสดง ให้ความรู้แก่ทุกคนที่เข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
วัดอิสุรุมุณิยะ
: สร้างโดยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ เดิมเป็น เทวาลัยในศาสนาฮินดูหรือพราหมณ์มาก่อน เพราะตัวศาสนสถานเจาะเข้าไปในหิน ประวัติความเป็นมาของวัดอิสุรุมัณิยะไม่แน่นอน แต่เดิม มีถ้ำที่เคยเป็นที่อยู่ของพระสงฆ์ในยุคแรก แต่ก็มีงานประติมากรรมที่ไม่ได้เป็นงานทางศาสนารวมอยู่ด้วย เฉพาะงานประติมากรรมได้รับยกย่องว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของยุคอนุราธปุระด้วยเช่นกัน
วัดเวสสาคีรี : ตั้งอยู่ทางใต้ของอิสุรุมุนียา เป็นวัดที่สร้างในสมัยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ใช้เป็นที่บวชและที่จำพรรษาพวกเวสสา (วรรณะต่ำ) สามารถจุพระได้ถึง 500 รูป วัดนี้ได้รับการยกย่องว่ามีการวางแบบแปลนทางสถาปัตยกรรมดีเยี่ยม
รูปสลักหินคู่รัก
: เป็นภาพแกะหินรูปผู้หญิงยกนิ้วชี้ท่าทางเขินอาย นั่งบนตักผู้ชายที่โอบประคองนางด้วยท่าทีของความเสน่หาอย่างยิ่ง มีลักษณะการแกะคล้ายกับประติมากรรมในยุคคุปตะของอินเดีย ว่ากันว่า เป็นรูปของเจ้าชายสาลิยะ พระราชโอรสของพระเจ้าทุฎฐคามณี ที่ทรงสละราชบังลังก์เพราะความรักที่มีต่อหญิงในวรรณะต่ำ เป็นรูปที่รัฐบาลศรีลังกาได้นำไปตีพิมพ์เป็น ดวงตราไปรษณีย์ มาแล้ว รวมทั้งเราจะได้พบเห็นรูปนี้ในโปสการ์ด และหนังสือแนะนำการท่องเที่ยวศรีลังกาแทบทุกฉบับ เรียกกันว่ารูป เมถุน เป็นภาพที่โรแมนติก ไม่มีความหมายในทางหยาบคาย
ทลาทะมลิกาวะวิหาร
: เป็นที่ประดิษฐานของพระเขี้ยวแก้วเมื่อครั้งแรกที่มาจากแคว้นกลิงคราฐ ประเทศอินเดีย จากความวุ่นวายของเหตุการณ์บ้านเมือง ทำให้ต้องมีการนำพระเขี้ยวแก้วไปซ่อนไว้ที่แคว้นอื่น จนในที่สุด ก็ได้นำมาไว้ที่วิหารทลาทะมลิกาวะที่แคนดีจวบจนปัจจุบัน
รัตนปราสาท
: หรือปราสาทรัตนชาติ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของวัดอภัยคีรี เป็นศาลาของวัดอภัยคีรี ซุ้มพญานาคราช (เทพเจ้าแห่งน้ำ) ที่ตรงทางเข้า ถือว่ามีความงดงามที่สุดในศรีลังกา
พระราชวังของพระเจ้าวิชัยพาหุ : (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.1598-1653) ทรงเป็นกษัตริย์สิงหลที่มีชัยชนะเหนือพวกโจฬะ ราชธานีอยู่ที่โปโลนนารุวะ ทรงสร้างพระราชวังที่อนุราธปุระไว้สำหรับเป็นที่แปรพระราชฐานชั่วคราว
ประติมากรรมอัฒจันทร์ศิลา
(หินสลักรูปจันทร์ครึ่งเสี้ยว) : เป็นงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่อีกชิ้นหนึ่งของศรีลังกา นอกจากจะมีความงดงามอ่อนช้อยในทางศิลปะแล้ว ยังมีความหมายทางพุทธปรัชญา ซึ่งก็มีนักปราชญ์ตีความกันไปหลายความหมาย ส่วนใหญ่จะเห็นพ้องกันว่า หมายถึง วงจรแห่งสังสารวัฎที่ต้องหมุนไปเรื่อยๆ ตามแรงของกิเลสตัณหาหรือเปลวไฟในวงนอกสุด การจะก้าวพ้นไปได้ต้องไปให้ถึงวงในสุดที่เป็นดอกบัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระนิพพาน อัฒจันทร์ศิลานี้มักจะอยู่บริเวณทางเข้าโบราณสถานคู่กับทวารบาลซึ่งนิยมทำเป็นรูปคนแคระหรือมนุษยนาค
พระราชอุทยาน
: หรือแรน มาสุ อุยานา เป็นอุทยานติดต่อกับอ่างเก็บน้ำติสสะ มีสถาปัตยกรรมหินหลงเหลืออยู่ มีบ่อน้ำสำหรับอาบน้ำ 2 บ่อ บ่อเหนือแกะเป็นรูปช้างลงเล่นน้ำในสระบัว มีร่องรอยของน้ำพุและห้องเล็กๆ ด้านข้างสระทำเป็นแนวหินยาวเป็นที่สำหรับนั่งได้ สถาปัตยกรรมในบริเวณพระราชอุทยานเป็นงานประเภทสวยงามน่ารัก ไม่เหมือนสถาปัตยกรรมอื่นๆ ในอนุราชปุระที่จะเน้นความคิดทางศาสนาเป็นหลัก
อ่างเก็บน้ำติสสะ
: เป็นอ่างเก็บน้ำที่สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ประมาณ 240 ปี ก่อนคริสต์ศักราช มีขนาด 450 เอเคอร์ ต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าธาตุเสน โปรดเกล้าฯ ให้สร้างคลองขนาดใหญ่ด้วยเทคโนโลยีทางวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยม สามารถนาส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำกาลาเวว่า มายังอ่างเก็บน้ำติสสะ มีความยาวถึง 90 กิโลเมตร โดยจ่ายน้ำให้อ่างเก็บน้ำใหญ่น้อยระหว่างทางได้ถึง 70 แห่ง เป็นเทคนิคอันแยบคายซึ่งแม้แต่วิทยาการตะวันตกก็ไม่สามารถทำได้มาก่อน
อ่างเก็บน้ำนุวาระ
: เป็นอ่างเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดในอนุราธปุระ มีความกว้าง 7 กิโลเมตร ลึก 12 เมตร เชื่อมต่อกับแม่น้ำชายาและส่งผ่านน้ำไปสู่อ่างเก็บน้ำติสสะ
เมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
เมืองเก่าอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
เจดีย์อภัยคีรี เมืองอนุราธปุระ
เจดีย์รุวันเวลิ ศรีลังกา
ศิลปะพระศรีลังกา อนุราธปุระ
อ่างเก็บน้ำติสสะ ศรีลังกา
วัดเจดีย์ถูปาราม ศรีลังกา
อ่างเก็บน้ำติสสะ ศรีลังกา
วัดเจดีย์ถูปาราม ศรีลังกา
เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
เกร็ดเกี่ยวกับต้นพระศรีมหาโพธิ์
ต้นพระศรีมหาโพธิ์
: คือต้นไม้ซึ่งเป็นที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นพันธุ์ไม้อัสสัตพะ ภาษาไทยเรียก ต้นโพ ส่วนคำว่า ต้นโพธิ์ หมายถึง ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ต้นที่อยู่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลคยา ประเทศอินเดีย
ต้นโพธิ์ตรัสรู้นั้น มีตำนานว่า เป็นสหชาติกับเจ้าชายสิทธัตถะ คือเกิดพร้อมกับการประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ส่วนหน่อของต้นโพธิ์ตรัสรู้ ต่อมาพระอานนท์ได้นำไปปลูกไว้ที่ประตูวัดเชตวัน กรุงสาวัตถี ตามความประสงค์ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เรียกชื่อว่า ต้นอานันทโพธิ์
แหล่งต้นกำเนิดของต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น หลังพุทธกาลสองร้อยกว่าปี ในรัชสมัยของพระเจ้าอโศกมหาราช มหาราชทรงครองราชสมบัติ ณ เมืองปาฏลิบุตร แคว้นมคธ พระนางมหิสุนทรี พระราชชายาพระองค์หนึ่งในพระเจ้าอโศก มีความไม่พอพระทัยที่พระสวามีใช้เวลาประทับอยู่ที่ต้นโพธิ์ครั้งละนานๆ ไม่สนพระทัยพระนาง ด้วยความริษยาแม้กระทั่งต้นไม้ พระนางให้นางกำนัลนำน้ำร้อนไปราดต้นโพธิ์หลายครั้ง จนกระทั่งต้นโพธิ์เหี่ยวเฉาลง ทำท่าจะตาย พระเจ้าอโศกเสียพระทัยจนประชวรหนัก พระนางจึงทรงสารภาพความจริง พระเจ้าอโศกมหาราชจึงทรงทะนุบำรุงต้นโพธิ์ขึ้นใหม่ จนกระทั่งแตกหน่ออ่อนให้ได้ชื่นชม
ต้นพระศรีมหาโพธิ์มีอายุยืนยาวมาจนถึงรัชสมัยพระเจ้าสะสังกา กษัตริย์ฮินดูจากแคว้นเบงกอล ประกาศพระองค์ไม่ขึ้นอยู่กับพระเจ้าปุณวรมา แห่งแคว้นมคธ พระเจ้าสะสังกาทรงกรีธาทัพมาที่พุทธคยา เข้ารุกรานต้นพระศรีมหาโพธิ์เพื่อเป็นการทำลายขวัญของประชาชน เพราะขณะนั้นต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธ ทหารของพระเจ้าสะสังกาได้ทำลายต้นพระศรีมหาโพธิ์ลงอย่างสิ้นซากด้วยการจุดไฟเผา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่ 3 เกิดขึ้นใหม่ ณ บริเวณเดิม พลโทเซอร์อะเล็กซานเดอร์ คันนิงแฮม นายทหารและนักโบราณคดีชาวอังกฤษ บันทึกไว้ว่า ในการเดินทางมาพุทธคยาครั้งแรกในปี พ.ศ.2415 ได้เห็นต้นพระศรีมหาโพธิ์แก่ชรามาก ต่อมาในปีพ.ศ. 2418 ท่านได้เดินทางกลับมาที่พุทธคยาอีกครั้ง ได้เห็นว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์กำลังจะตาย เพราะถูกชาวบ้านลิดกิ่งเอาไปทำฟืน ต่อมาเซอร์คันนิงแฮม ได้กลับมาพุทธคยาอีกเป็นครั้งที่สาม คราวนี้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งทั้งแก่ชราและอ่อนแอเต็มที่ได้ถูกพายุพัดโค่นลงมาทางทิศตะวันตก
ส่วนต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ปรากฎอยู่ที่พุทธคยาในปัจจุบัน เกิดจากศรัทธาของเซอร์คันนิงแฮม ที่ตั้งใจจะเก็บเมล็ดจากต้นที่ล้มนั้น มาปลูกเพาะพันธุ์ใหม่ แต่กลับได้พบหน่อเล็กๆ สองหน่อเกิดขึ้นมา จึงขออนุญาตรัฐบาลอินเดียขุดเอาต้นเก่าออก แล้วนำหน่อจากต้นเดิมลงปลูกแทน ส่วนอีกหน่อนำไปปลูกไว้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
จุดที่นำหน่อที่สองไปปลูก เซอร์คันนิงแฮม เข้าใจว่าเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้ายืนทอดพระเนตรดูต้นพระศรีมหาโพธิ์ เป็นการเสวยวิมุตติสุขอยู่ตลอด 7 วัน ที่ชาวไทยเรียก อนิมิสเจดีย์
ต่อมา พระนางสังฆมิตตาเถรี พระราชธิดาในพระเจ้าอโศก ได้รับพระราชบัญชาจากพระเจ้าอโศกให้นำกิ่งด้านขวาของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา ไปถวายแด่พระเจ้าเทวานัมปิยตัสสะ แห่งลังกาทวีป พระเจ้าเทวานัมปิยตัสสะทรงปลูกไว้ ณ เมืองอนุราธปุระ มีอายุยืนนานมาจนจวบทุกวันนี้ จึงได้ชื่อว่าเป็นต้นไม้ประวัติศาสตร์ที่มีอายุยืนที่สุด คือกว่า 2,300 ปี และได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจากรัฐบาลศรีลังกา ด้วยถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่บรรพชนได้รักษาเอาไว้ด้วยชีวิต จนกระทั่งสามารถรอดพ้นจากการถูกทำลายล้างจากลัทธิศาสนาอื่น เหลือเป็นมรดกตกทอดมาให้อนุชนรุ่นหลังได้กราบไหว้บูชาเป็นสิริมงคล
ในประเทศไทย สมัยราชวงศ์จักรี พระสมณฑูตไทยในสมัยรัชกาลที่ 1 ได้เดินทางไปประเทศศรีลังกาและนำหน่อพระศรีมหาโพธิ์ที่เมืองอนุราธปุระมา 6 ต้น ในพ.ศ.2357 ได้นำไปปลูกไว้ที่เมืองนครศรีธรรมราช 2 ต้น นอกนั้นปลูกไว้ที่วัดมหาธาตุฯ วัดสุทัศน์ฯ วัดสระเกศ และที่เมืองกลันตัน แห่งละ 1 ต้น ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ประเทศไทยได้พันธุ์ต้นพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยาโดยตรงเป็นครั้งแรก ได้ปลูกไว้ ณ วัดเบญจมบพิตรฯ และวัดอัษฎางคนิมิตร
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
ดอกบัวบูชาต้นพระศรีมหาโพธิ์
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกา
เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
โลหะปราสาท เมืองอนุราธปุระ
ศรีลังกา ทัวร์ศรีลังกา เที่ยวศรีลังกา ประเทศศรีลังกา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศศรีลังกา
ศรีลังกา ประเทศศรีลังกา
เป็นเกาะเล็กๆ รูปร่างคล้ายไข่มุก หรือลูกแพร์ สำหรับคนไทย ศรีลังกาเป็นเหมือนญาติสนิท ช่วยเหลือกันมาตั้งแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน
ตอนที่ 1
ศรีลังกา อนุราธปุระ เจดีย์รุวันเวลิ เจดีย์ถูปาราม
ทริปเที่ยวศรีลังกา 5 วัน 4 คืน เก็บรูปและข้อมูลท่องเที่ยวมาฝาก
วัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้
พระเขี้ยวแก้ว เป็นสมบัติอันล้ำค่าสำหรับชาวพุทธศรีลังกา ประดิษฐานอยู่ในผอบและอยู่ในเจดีย์อีก 4 ชั้นที่วัดพระเขี้ยวแก้ว (วัดดาลดา มัลลิกาวะ)
ตอนที่ 2
ทัวร์ศรีลังกา โปโลนนารุวะ สิกิริยา พระราชวังลอยฟ้า
ทริปเที่ยวศรีลังกา 5 วัน 4 คืน เก็บรูปและข้อมูลท่องเที่ยวมาฝาก
ของฝากจากศรีลังกา
ร้านขายของที่ระลึกศรีลังกามีมากมาย เช่น พวงกุญแจ แม็กเน็ท หน้ากาก ผ้าบาติก งานแกะสลักไม้ ใบชา อัญมณีต่างๆ
ตอนที่ 3
เที่ยวศรีลังกา ถ้ำดัมบุลลา เมืองแคนดี้ ระบำศรีลังกา
ทริปเที่ยวศรีลังกา 5 วัน 4 คืน เก็บรูปและข้อมูลท่องเที่ยวมาฝาก
ระบำศรีลังกา
เป็นการผสมผสานกันระหว่างระบำพื้นเมืองแบบดั้งเดิมกับระบำร่วมสมัย ซึ่งหาชมทั่วๆ ไปได้ยาก ลีลาท่วงท่าของระบำสะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของความเป็นศรีลังกา
ตอนที่ 4
ประเทศศรีลังกา วัดพระเขี้ยวแก้ว โคลัมโบ วัดคงคาราม
ทริปเที่ยวศรีลังกา 5 วัน 4 คืน เก็บรูปและข้อมูลท่องเที่ยวมาฝาก
เที่ยวศรีลังกา เมืองอนุราธปุระ นครหลวงแห่งแรก
(มรดกโลก)
โคลัมโบ การเดินทางประเทศศรีลังกา
เมืองโปโลนนารุวะ เมืองหลวงแห่งที่สอง
(มรดกโลก)
ประวัติศาสตร์ศรีลังกา
เมืองสิกิริยา พระราชวังลอยฟ้า ภาพเขียนสีเฟรสโก
สวนพฤษศาสตร์และสวนสมุนไพรศรีลังกา
ถ้ำดัมบุลลา วัดถ้ำดัมบุลลา
(มรดกโลก)
อาหารศรีลังกา ร้านอาหารศรีลังกา
เมืองแคนดี วัดบุปผาราม วัดพระอุบาลี
โรงแรมศรีลังกา ที่พักศรีลังกา
วัดกัลณียา วัดคงคาราม วัดกลางน้ำ โคลัมโบ
ภาษาศรีลังกา เรื่องควรรู้ก่อนเที่ยวศรีลังกา
ทัวร์โปรโมชั่น
โปรแกรมทัวร์อื่นๆ - เช็คที่นั่ง
โปรแกรมจอยทัวร์
XIN879-CZ :
เส้นทางสายไหม หลานโจว ภูเขาสายรุ้ง จางเย่ ด่านเจียยี่กวน ถ้ำตุนหวง สระน้ำวงพระจันทร์ ถ้ำโมเกาคู ทูรูฟาน ภูเขาหิมะเทียนซาน อูรูมูฉี
(
CZ
)
ชมความมหัศจรรย์ของ ภูเขาสายรุ้ง Rainbow Mountain กับธรรมชาติที่สรรค์สร้าง
ชม ถ้ำตุนหวง ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ขี่อูฐกลางทะเลทราย
เที่ยวชม ภูเขาหิมะเขาเทียนซาน สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของซินเจียง (มรดกโลก)
ไม่ลงร้านช้อป - อาหารดี - โรงแรม 5 ดาว บิน CHINA SOUTHERN AIRLINE นั่งสบาย
วันที่ 2 9 เมษายน, 9 16 เมษายน, 30 เมษายน 7 พฤษภาคม, 9 16 พฤษภาคม, 21 28 พฤษภาคม 2568
UQ-879 :
เส้นทางสายไหม ภูเขาสายรุ้ง ถ้ำตุนหวง สกีหิมะ Silk Road ลั่วหยาง หลานโจว จางเย่ ด่านเจียยี่กวน ตุนหวง สระน้ำวงพระจันทร์ ถ้ำโมเกาคู อูรูมูฉี
(
UQ
)
เที่ยวชม เมืองลั่วหยาง หนึ่งในสี่เมืองหลวงเก่าที่ยิ่งใหญ่ของหลายราชวงศ์จีน
ชมความมหัศจรรย์ของ ภูเขาสายรุ้ง Rainbow Mountain กับธรรมชาติที่สรรค์สร้าง
ชม ถ้ำตุนหวง ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ขี่อูฐกลางทะเลทราย
สนุกสนานกับ สกีหิมะ Silk Road เขาเทียนซาน ลานสกีที่โด่งดังของเมืองอูรูมูฉี
อาหารดี - โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว บิน Urumqi Air (UQ) 3 ไฟลท์ เที่ยวแบบไม่เหนื่อย
วันที่ 14 - 21 มีนาคม 2568 : ราคา 59,995.-บาท
CGO651-DD :
ซีอาน เทศกาลดอกโบตั๋นบาน ลั่วหยาง สุสานทหารดินเผาจิ๋นซี ถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี อุทยานหยุนไถ่ซาน ถ้ำหลงเหมิน เจดีย์ห่านป่าใหญ่ โชว์เส้นทางสายไหม
(
DD
)
ชม ดอกโบตั๋นบาน เทศกาลดอกโบตั๋นบานเมืองลั่วหยางที่สวยงามที่สุดในประเทศจีน
ชม สุสานทหารดินเผาจิ๋นซี อันยิ่งใหญ่ และชม ถ้ำผาหลงเหมิน ผาหินแกะสลักมรดกโลก
ชม ถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี คล้ายคริสตัลและชม อุทยานหยุนไถซาน อุทยานสวรรค์ที่สวยงามที่สุด
ชม โชว์เส้นทางสายไหม โชว์ที่สวยที่สุดของซีอานที่บอกเล่าเรื่องราวเส้นทางการค้าโบราณ
อาหารดี - โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว นั่งรถไฟความเร็วสูง (ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ)
วันที่
12 - 17 เมษายน 2568
TG-651 :
คุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่า วัดซงจ้านหลิง ภูเขาหิมะมังกรหยก สวนดอกไม้ฮอบบิท เมืองโบราณลี่เจียง
(
TG
)
นั่งรถไฟความเร็วสูง คุนหมิง-แชงกรีล่า เที่ยวสวนดอกไม้ฮอบบิท
นั่งกระเช้าใหญ่ขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก
อาหารดี - โรงแรม 5 ดาว บินการบินไทย - ไม่ลงร้านช้อป
วันที่ 11 - 16 กุมภาพันธ์, 11 - 16 เมษายน, 12 - 17 เมษายน 2568
FD659-CSX :
หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่ หมู่บ้านโบราณหวงหลิง ล่องเรือชมแสงสีอู้วนี่โจว ภูเขาหลิงซาน ไหว้พระใหญ่ตงหลิน เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น พิพิธภัณฑ์เซรามิค
(
FD
)
เที่ยว หมู่บ้านโบราณหวงหลิง นับเป็นหมู่บ้านสวยที่สุดในเมืองอู้หยวน มณฑลเจียงซี
พักใน หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่ ถ่ายรูปสวยๆแสงสีแสงไฟยามค่ำคืน
นำท่าน ล่องเรือ ชมแสงสียามค่ำคืนอู้วี่โจว พร้อมชมแลนด์มาร์คแห่งใหม่
อาหารดี - โรงแรมระดับ 5 ดาว ไม่ลงร้านช้อป - ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ
วันที่ 11 - 16 กุมภาพันธ์, 18 - 23 มีนาคม, 22 - 27 เมษายน 2568
PU-541 :
ภูฏาน พาโร ทิมพู ปูนาคา วัดทักซัง พาโรซอง ทิมพูซอง ปูนาคาซอง ซิมโทกาซอง คิชูลาคัง สวนสัตว์ภูฏาน
(
KB
)
เที่ยวครบ 3 เมืองหลัก เมืองพาโร เมืองทิมพู เมืองปูนาคา
อาหารดี - โรงแรมที่พักมาตรฐานรัฐบาล
วันที่ 29 ธันวาคม - 2 มกราคม 2568
INDIA877 :
อินเดีย เนปาล พุทธคยา ราชคฤห์ กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี ล่องเรือ สารนาท พารานสี
(
TG
)
เที่ยวครบ 4 สังเวชนียสถาน พุทธคยา กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี พาราณสี
ชม ล่องเรือแม่น้ำคงคา เที่ยวชม วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
พักโรงแรม 4 ดาว - มีอาหารไทย - มีพระวิทยากร - บินการบินไทย
วันที่ 9 - 16 กุมภาพันธ์ 2568
DEL755-TG :
ถ้ำอชันต้า ถ้ำเอลโลร่า ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ท มุมไบ ถ้ำช้ำง วัดพระพิฆเนศ
(
TG
)
ชม ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า เมืองออรังกาบัด
ชม ถ้ำช้าง และ วัดพระพิฆเนศเมืองมุมไบ
เที่ยวชม ทัชมาฮาล และ อัคราฟอร์ท เมืองอัครา
พักโรงแรม 4 ดาว บินการบินไทยและบินภายใน 2 ไฟลท์
วันที่ 11 - 17 กุมภาพันธ์ 2568 : ราคา 53,995.-บาท
Pune636-6E :
ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า เมืองออรังกาบัด ชมถ้ำพุทธศิลป์อินเดีย ขอพรพระพิฆเนศ เมืองปูเน่
(
6E
)
เที่ยว 2 ถ้ำพุทธศิลป์ ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า
ไหว้พระพิฆเนศ เมืองปูเน่
พักโรงแรม 4 ดาว - อาหารดี - บินตรงเมืองปูเน่
วันที่ 12 17 กุมภาพันธ์, 2 7 เมษายน 2568 : ราคา 34,995.-บาท
Pune635-6E :
ไหว้พระพิฆเนศ 9 วัด เมืองปูเน่ เมืองต้นกำเนิดพระพิฆเนศ
(
6E
)
เที่ยว 2 ถ้ำพุทธศิลป์ ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า
ไหว้พระพิฆเนศ เมืองปูเน่
พักโรงแรม 4 ดาว - อาหารดี - บินตรงเมืองปูเน่
วันที่ 15 20 มกราคม, 12 17 กุมภาพันธ์, 2 7 เมษายน 2568 : ราคา 37,995.-บาท
DEL864-AI :
แคชเมียร์ ดอกทิวลิปบาน ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ด ศรีนาคา พาฮาลแกม Aru Valley สวนชาลิมาร์ กุลมาร์ค โซนามาร์ค ล่องทะเลสาบดาล
(
AI
)
เที่ยวชม ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชม อัคราฟอร์ท Agra Fort พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์โมกุล
เที่ยวครบ 4 สถานที่หลัก พาฮาลแกรม, กุลมาร์ค, โซนามาร์ค และ เมืองศรีนาคา
ชม เทศกาลดอกทิวลิปบาน ปีละครั้ง (เฉพาะเดือนเมษายน)
อาหารดี - โรงแรมดีระดับ 4-5 ดาว 6 คืน / เดินทางสะดวกสบายโดย Air India (Full-Service)
วันที่ 6 - 13 เม.ย., 12 - 19 เม.ย., 13 - 20 เมษายน 2568 : ราคา 56,995.-บาท
DEL189-AI :
แคชเมียร์ ดอกทิวลิปบาน ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ด ชัยปุระ นครสีชมพู ศรีนาคา พาฮาลแกม Aru Valley สวนชาลิมาร์ กุลมาร์ค โซนามาร์ค ล่องทะเลสาบดาล
(
AI
)
เที่ยวชม ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชม อัคราฟอร์ท Agra Fort พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์โมกุล
ชม เมืองชัยปุระ นครสีชมพู เมืองแห่งอารยธรรมราชบุตร
เที่ยวครบ 4 สถานที่หลัก พาฮาลแกรม, กุลมาร์ค, โซนามาร์ค และ เมืองศรีนาคา
ชม เทศกาลดอกทิวลิปบาน ปีละครั้ง (เฉพาะเดือนเมษายน)
วันที่ 6 - 15 เมษายน 2568 : ราคา 66,995.-บาท
สอบถามทัวร์เพิ่มเติม
ID Line Office :
@oceansmiletour
คุณเล็ก โทร.082-3656241 ID Line : lekocean2
คุณโจ้ โทร.093-6468915 ID Line : oceansmile
รับทำกรุ๊ปเหมา เที่ยวส่วนตัว ดูงาน
ประเทศจีน (ทุกเมือง) อินเดีย (ทุกเมือง)
เนปาล ภูฏาน บาหลี ศรีลังกา ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า
บริษัท โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จำกัด โทร. 0-2969 3664, 0-2949 5134-36
เลขที่ 23/121 ซอยนวมินทร์ 161 แยก1-4 ถ.นวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230
Hotline 0-936468915, 0-823656241 ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028