สถานที่ท่องเที่ยวพุกาม (Bagan) มิงกาลาเจดีย์ มิงกาลาเจดีย์ หรือเจดีย์มังคละ แปลว่า เจดีย์แห่งความเป็นสิริมงคลจัดเป็นประเภท เจดีย์ก่อิฐตัน หรือ สถูป ตั้งอยู่เหนือฐานทักษินสามชั้นซึ่งซ้อนกันบนฐานไพทีทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส บริเวณฐานแต่ละชั้นประดับลวดลายปูนปั้นเล่าเรื่องชาดก เช่นเดียวกันเจดีย์ชเวสิกอง เนื่องจากกษัตริย์ผู้สร้างคือพระเจ้านรสีหปติ ทรงปรารถนาจะสร้างให้ยิ่งใหญ่เทียบเคียงเจดีย์ที่วีรกษัตริย์คือ พระเจ้าอโนรธาทรงสร้างไว้ ด้วยเหตุที่พระเจ้านรสีหปติทรงนำความล่มสลายมาสู่อาณาจักรพุกาม มิงกาลเจดีย์จึงไม่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างดีเท่าชเวสิกอง ทว่านักท่องเที่ยวนิยมขึ้นไปชมทะเลเจดีย์เมืองพุกามในมุมมอง 360 องศา ทั้งยามอรุณรุ่งและอัสดง
เจดีย์ชเวชิกอง (Shwezigon pagoda) เจดีย์ชเวชิกอง (Shwezigon pagoda) ชาวพม่าทั่วไปเคารพนับถือความศักดิ์สิทธิ์ของเจดีย์แห่งนี้เป็นอันมาก เป็น 1 ใน 5 มหาเจดีย์สถานของพม่า เพราะเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระเขี้ยวแก้ว เจดีย์รูปแบบศิลปะพม่าอย่างแท้แห่งนี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์อโนรธา (King Anawrahta) แต่แล้วเสร็จในสมัยของกษัตริย์จันสิตธา(King Kyanzittha) องค์เจดีย์สีทองอร่ามทรงระฆังคว่ำ สูง 160 เมตร ภายในมีหอผีนัต ซึ่งเป็นวิหารยาวที่ตั้งรูปผีหลวงที่ชาวพม่าเคารพนับถือ ในอดีตนั้นเจดีย์แห่งนี้มีความสำคัญของชาวพม่ามาก เพราะ ใช้เป็นสัญลักษณ์การตนเป็นพุทธมามกะตั้งแต่โบราณ สิ่งที่น่าสนใจสำหรับการเข้าชมเจดีย์นี้คือภาพประวัติพุทธชาดกของพระพุทธเจ้าที่ปรากฎบริเวณผนัง
ติโลมินโล แปลว่า เจดีย์ฉัตรตั้ง ติโลมินโล แปลว่า เจดีย์ฉัตรตั้ง จัดเป็นประเภท เจดีย์วิหาร สร้างในสมัยพระเจ้านาตองมยา เป็นเจดีย์ที่มีความเป็นมาแปลกกว่าเจดีย์องค์อื่นๆ ด้วยในสมัยพระเจ้านรปติซีตู ทรงมีราชบุตรหลายพระองค์ ทั้งที่เกิดแต่อัครมเหสีและพระชาย เมื่อทรงจะตั้งองค์รัชทายาทสืบราชบัลลังค์ ก็ไม่อาจตั้งราชบุตรในอัครมเหสีได้ทันทีเพราะทรงเคยรับปากพระชายาองค์หนึ่งซึ่งคอยบริบาลพระองค์ขณะประชวรอย่างดียิ่งว่า จะทรงพิ่จารณาราชบุตรจากชายาให้ขึ้นครองราชย์ด้วย เมื่อไม่อาจคืนคำที่ให้ไว้ จึงตัดสินพระทัยเรียกราชบุตรทั้งห้าพระองค์มานั่งล้อมวง แล้วตั้งฉัตรอันเป็นสัญลักษณ์กษัตริย์ไว้ตรงกลาง หากฉัตรล้มลงแล้วปลายฉัตรชี้ไปที่ราชบุตรองค์ใดก็จะทรงแต่งตั้งเป็นกษัตริบ์สืบจากพระองค์ ปรากฏว่าปลายฉัตรชี้ไปที่เจ้าชายชัยสิงห์ (พระเจ้านาตองมยา) ซึ่งเป็นราชบุตรอันเกิดแต่ชายองค์ที่บริบาลพระเจ้านรปติซีตู ชาวพม่าจึงเรียกนาตองมายาว่า กษัตริย์ฉัตรตั้ง และเมื่อทรงขึ้นครองราชย์จึงสร้างเจดีย์ขึ้นเป็นอนุสรย์ ณ บริเวณที่พระราชบิดาเอาฉัตรเสี่ยงทาย เรียกกันว่า เจดีย์ติโลมินโล อย่างไรก็ตามนักปราชญ์ชาวพม่าบางรายตีความว่า ติโลมินโล อาจเพี้ยนเสียงมาจาก ติโลกมีงคลา หรือ ผู้ได้รับพรอันเป็นมลคลจากสามโลก
เจดีย์อนันดา (Ananda Pagoda) เจดีย์อนันดา (Ananda Pagoda) เจดีย์อนันดาสร้างขึ้นโดยกษัตริย์จันสิทธะ (King Kyanzittha) เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนภูเขานันทมูล (Nandamula) บนเทือกเขากันทมาดานะ(Gandhamadana) บริเวณเทือกเขาหิมาลัย อันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูป เหล่าพระอรหันต์ได้ทูลเล่าถึงลักษณะวัดในอินเดียถวายพระเจ้าจันสิทธะ พระองค์ทรงพอพระทัยมาก จึงได้ดำรัสให้ก่อสร้างขึ้นตามลักษณะที่เหล่าพระอรหันต์ได้พรรณา แล้วตั้งชื่อว่าวัดอนันดาตามชื่อถ้ำที่พระอรหันต์ทั้ง 5 อาศัยอยู่ เจดีย์อนันดานี้ยังด้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งสถาปัตย์พุกาม ตัววิหารทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสที่ใหญ่โตสง่างาม มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้งสี่ด้าน หากดูตามผังลักษณะเหมือนกับไม้กางเขนแบบกรีก ภายในวิหารมีพระพุทธรูปยืนที่เกาะสลักด้วยไม้สัก ประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ ผลงานฝีมือของช่างพม่าชั้นสูงที่ทำช่องให้แสงส่องเฉพาะองค์พระพุทธรูปซึ่งพระพักตร์ขององค์พระนั้นมีรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา สร่างความน่าเลื่อมใสแก่ผู้ไปสักการะ
วัดธรรมยางจี (Dhamayangyi Thample) วัดธรรมยางจี (Dhamayangyi Thample) ลักษณะเจดีย์มีความสวยงามมาก และได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรงที่สุดในพุกาม เพราะสร่งขึ้นด้วยอิฐสีแดงเป็นเอกลักษณ์ วัดนี้มีเจดีย์ที่สร้างขึ้นคล้ายเจดีย์อนันดา คือมีลักษณะอาคารทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มีมุขยื่นออกมาสี่ด้าน สร้างขึ้นโดยกษัตริย์นรายุ (King Narathu) วิหารนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า กาลักยามิน (Kalagya Min) หมายถึง วิหารของกษัตริย์ที่ถูกฆ่าโดยพวกกาลา ทหารของกษัตริย์ปาเทกคายา (Pateikkaya) แห่งอินเดีย เพื่อเป็นการแก้แค้นให้พระราชธิดาของกษัตริย์อินเดีย ซึ่งถูกฆ่าโดยกษัตริย์นราธุพระสวามีของพระนางเอง
เจดีย์สัพพัญญู เจดีย์สัพพัญญู หรือ วัดถัดบินยู (Thatbyinntut Pagoda) เป็นเจดีย์ที่มีความสูงที่สุดในเมืองพุกามความสูงทั้งสิ้นประมาณ 61 เมตร สร้างขึ้นตามศิลปะแบบปาละของอินเดีย ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1687 โดยกษัตริย์อลองสิตู (King Alongsithu) โดยแบ่งลักษณะของเจดีย์ออกเป็นระดับจำนวน 5 ชั้น เหมาะอย่างยิ่งกับการถ่ายรูปทิวทัศน์โดยรวมของเมืองพุกาม เราจึงมักพบภาพทิวทัศน์ของเมืองพุกามตามนิตยสารต่างๆที่ถ่ายบนลานเจดีย์สัพพิญญูนี้เอง
วิหารมนูหะ (Manuha Tample) วิหารมนูหะ (Manuha Tample) ตั้งอยู่ติดกับวัดนันพญา จัดเป็นประเภท เจดีย์วิหาร วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้ามนูหะ(King Manuha) กษัตริย์มอญที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยศักดิ์อยู่ที่พุกามพร้อมมเหสี และพลเมืองมอญอีกกว่า 30,000 คน ที่ถูกกวาดต้อนมาเมื่อครั้งที่พระเจ้าอโนรธาตีเมืองสะเทิมได้ในปีพ.ศ. 1600 แล้วยึดพระไตรปิฏก 30 ชุดมาไว้ที่พุกาม การที่พระเจ้ามนูหะทรงสร้างวิหารแห่งนี้ขึ้นก็เพื่อเป็นการถ่ายทอด และระบายให้รู้ถึงความอึดอัดใจ และความไม่สบายใจที่พระองค์ มีต่อการตกเป็นเชลยเช่นนี้ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่คับวิหาร ขนาบข้างด้วยพุทธสาวก ทั้งนี้เพื่อแสดงความอึดอัดคับข้องพระตาชหฤทัยที่ต้องถูกจองจำในฐานะเฉลยศึก นอกจากนี้พระเจ้มนูหะยังทรงสร้างพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่มากอีกองค์หนึ่งไว้ด้านหลัง แต่พระหัตถ์ขวาของพระอง์นี้วางราบกับพื้น จึงเรียกพระไสยาสน์ปางปรินิพพาน ที่ว่าพระโอษฐ์มีรอยยิ้ม จึงตีความว่า เพระเจ้ามนูหะอาจมีพระประสงค์สะสื่อความว่า มีเพียงความตายเท่านั้นที่ทำให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์มีอิสรภาพ ทั้งนี้ด้านข้างของวิหารวัดมนูหะมีอาคารประดิษฐานพระตาชานุสาวรีย์พระเจ้ามนูหะและพระอัครมเหสีที่ถูกจับมาจองจำไว้ด้วยกัน
เจดีย์ชเวชันดอ (Shwesandew Pagoda) เจดีย์ชเวชันดอ (Shwesandew Pagoda) เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ที่มีอำนาจมากพระองค์แห่งอาณาจักรพุกาม นอกจากเจดีย์แห่งนี้จะเป็นที่บรรจุของพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ยังมีรูปปั้นเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดูตั้งอยู่บริเวณลานของวิหาร จึงมีชื่อเรียกแบบฮินดูว่า เจดีย์กาเนชา (Ganesha Pogada) เจดีย์ชเวชันดอนี้ยังเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการชมทุ่งเจดีย์อีกแห่งหนึ่งของพุกามยามอาทิตย์อัสดงจะได้เห็นภาพหมู่เจดีย์สุดลูกหูลูกตา ที่ต้องแสงสีแดงอ่อนแห่งยามเย็นอย่างงดงาม
บูพญาเจดีย์ บูพญาเจดีย์ แปลว่า เจดีย์น้ำเต้า ตามลักษณะเจดีย์ที่มี่รูปทรงรคล้ายน้ำเต้า ซึ่งเป็นรูปทรงเจดีย์ที่ได้รับความนิยมในสมัยก่อนตั้งอาณาจักรพุการ ตามตำนานเล่าขานว่า สร้างตั้งแต่พุทธศตวรรษที 8 ในสมัยอาณาจักรศรีเกษตร (พิว) โดยพระเจ้าพิวซอว์ธี บ้างก็ว่าน่าจะสร้างในพุทธศตวรรษที่ 16 อีกทั้งรูปร่างของเจดีย์น่าจะเป็นเจตนา หมายถึง ลักษณะของพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ข้างใน บูพญาตั้งโดดเด่นอยู่ริมน้ำอิรวดี จังเป็นหลักหมายองนักเดินเรือจากอดีตถึงปัจจุบัน ว่าถ้าเห็นบูพญาก็หมายความว่าถึงเมืองพุกามแล้ว นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งชมอาทิตย์อัสดงในลำน้ำอิรวดีที่เจดีย์แห่งนี้
เจดีย์โลกะนันดา ( Lawkananda Phaya) เจดีย์โลกะนันดา ( Lawkananda Phaya) สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโนรธาเช่นกัน ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งอระวดี ซึ่งชาวบ้านที่มานอกจากมาทำบุญและสักการะพระเจดีย์แล้ว บางคนยังมานั่งเล่นหย่อนใจชมสายน้ำ เรื่อยเลยไปจนถึงนั่งชมอาทิตย์ตกดินด้วย หากพอมีเวลา ด้านนอกมีตั้งตั้งขายอาหารประเภทของกินเล่น เช่น กุ้งแม่น้ำตัวโตชุบแป้งทอด และไอศครีมถังตักใส่ถ้วย
นันพญา นันพญา ตั้งอยู่บริเวณหมู่บ้านเมียงกะบา สร้างราวปี พ.ศ. 1602 ในสมัยพระเจ้าอโนรธา ตามตำนานเล่าขานว่า สร้างเพื่อเป็นตำหนักจองจำพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญจากเมืองสุธรรมวดี (สะเทิม) ในฐานะเชลยศึกของพระเจ้าอโนรธา แต่มีข้อโต้แย้งว่า นันพญาน่าจะเป็นศาสนสถานมาตั้งแต่แรก เพราะภายในคูหามีแท่นประดิษฐานรูปเคารพ ซึ่งแม้ในปัจจุบันจะว่างเปล่าแต่ขนาดของแท่นเหมาะแก่การประดิษฐานพระยืนตามแบบพุทธศิลป์สกุลช่างพุกาม อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจภายในคูหาวัดนันพญา คือเสาใหญ่สี่เหลี่ยมสี่ตัน ที่เป็นโครงสร้างหลักรองรับส่วนบน โดยเหลี่ยมของเสากรุด้วยศิลาและมีภาพแกะสลักนูนต่ำ เป็นภาพบุคคลมีสี่หน้าประทับบนแท่นดอกบัวในมือถือดอกบัว ทำให้มีการตีความหมายว่าเป็นพระพรหม เทพชั้นสูงในศาสนาฮินดู และวัดนันพญาอาจเป็นรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือพระโพธิสัตว์สมันตมุข (พระโพธิสัตว์ที่มีพระพักตร์อยู่โดยรอบ เช่นเดียวกับปราสาทบายนในเขมร)
ภูเขาโปปา (Mount Popa) ภูเขาโปปา (Mount Popa) ภูเขาโปปาเป็นภูเขาที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สิงสถิตของบรรดาเทวดาและนัตทั้งหลาย ตามความเชื่อดั้งเดิมของประชาชนชาวพม่าตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 4 แล้ว โดยกษัตริย์ของอาณาจักรในอดีตของพม่า จะต้องจัดงานเคารพบูชาผีนัตเป็นประจำทุกปี โดยชาวพม่าเชื่อว่าภูเขาแห่งนี้เป็นเสมือนบ้านของผีนัต มีการเฉลิมฉลองเพื่อแสดงความเคารพต่อผีนัตในช่วงประมาณเดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน ภูเขาแห่งนี้เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว ตั้งอยู่ห่างจากเมืองพุกามประมาณ 50 กิโลเมตร โดยมีความสูงทั้งสิ้น 1,518 เมตร
Hotline 0-936468915, 0-823656241 ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028