บริษัททัวร์ โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์







 
• ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
• ตำนานเทพแห่งศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู
ตำนานเทพแห่งศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู
• ศาสนาพราหมณ์มีการนับถือเทพหลายองค์ ได้แก่ พระวิษณุ พระศิวะ และพระพรหม เหตุผลที่สำคัญก็คือเทพเจ้าทั้งหมดมีฤทธานุภาพสามารถบันดาลทุกข์สุขให้กับมนุษย์บนพื้นโลกนั่นเอง
• สำหรับผู้ที่นับถือพระศิวะเป็นใหญ่ที่สุดจะมีชื่อเรียกว่า “ลัทธิไศวนิกาย” ส่วนผู้ที่นับถือพระวิษณุเป็นใหญ่ที่สุด มีชื่อเรียกว่า “ลัทธิไวษณพนิกาย” และผู้ที่ให้ความเคารพนับถือเทพเจ้าพร้อมกันทั้ง 3 องค์ มีชื่อเรียกว่า “ตรีมูรติ”

พระศิวะประทับบนหน้ากาลที่ปราสาทบันทายสรี

พระศิวะและพระนางอุมาเทวีที่ปราสาทบันทายสรี
• พระศิวะหรือพระอิศวร : เทพผู้ทำลายและสร้างโลก
• ในครั้งแรกสุด พระพรหมได้เป็นผู้สร้างโลกและสร้างจักรวาลขึ้นมา แต่ก็ได้เกิดปัญหามากมายขึ้นบนโลกมนุษย์ พระศิวะจึงได้ทำลายโลก พอในเวลาต่อมาพระศิวะ ก็ได้มีการสร้างโลกขึ้นมาใหม่ โดยสร้างพระนารายณ์ขึ้นมาเป็นผู้ดูแลรักษาด้วย
• ลักษณะของพระศิวะ มี 1 เศียร 4 กร 3 พระเนตร ซึ่งพระเนตรส่วนที่ 3 นั้นจะอยู่กึ่งกลางหน้าผาก จะทรงนุ่งหนังกวาง แล้วยังมีสร้อยสังวาลเป็นงู ส่วนพระหัตถ์ทรงตรีสูร ทรงโคนนทิเป็นพาหนะ ให้สังเกตดูหากได้พบรูปปั้นโคนนทิ อยู่บริเวณทางเดินที่จะต้องเข้ามายังปราสาท หรือมีรูปโคนนทิอยู่ในปราสาท นั่นหมายถึงว่าได้มีการสร้างปราสาทแห่งนั้นเพื่ออุทิศแด่พระศิวะ
• นอกจากนี้ พระศิวะยังสามารถกำหนดโชคชะตาของมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกโดยวิธีการร่ายรำที่มีชื่อเรียกว่า “ศิวนาฏราช” โดยเฉพาะที่สำคัญคือ ถ้าหากมีการร่ายรำด้วยความอ่อนช้อย ก็จะช่วยให้บรรดาเหล่ามนุษย์โลกอยู่เย็นเป็นสุข
รูปเคารพที่ปราสาทนครวัด
พระวิษณุที่ปราสาทนครวัด

พระวิษณุอวตารในปางนรสิงหาวตารที่ปราสาทบันทายสรี
• พระวิษณุหรือพระนารายณ์ : เทพผู้รักษาคุ้มครองโลก
• คำว่า “พระนารายณ์” หมายถึง ผู้ที่ได้เคลื่อนไหวอยู่ในน้ำ คือกำลังบรรทมอยู่เหนือหลังพญานาคราช ชาวฮินดูที่นับถือไวษณพนิกาย จะเชื่อถือว่า พระวิษณุหรือพระนารายณ์นั้นจะต้องเป็นเทพสูงสุด หลักฐานตามคัมภีร์พราหมณ์ปุราณะ ได้กล่าวไว้ว่า พระศิวะได้ทรงสร้างโลกขึ้นมา แต่งานที่จะรักษาโลกให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขเป็นเรื่องที่ยากกว่า ดังนั้นพระศิวะจึงสร้างพระวิษณุ ให้มาเป็นผู้ช่วยรักษา ในช่วงเวลาที่สร้างโลกอยู่นั้น พระนารายณ์ก็จะอวตาร เพื่อจะลงมาช่วยปราบยุคเข็ญในโลกเป็นจำนวนมากถึง 10 ครั้ง ได้แก่ อวตารเป็น ปลา เต่า หมูป่า นรสิงห์ พราหมณ์ถือขวานเพชร พราหมณ์เตี้ย พระราม พระกฤษณะ พระพุทธเจ้า บุรุษที่ชือกัลลี
• ลัษณะของพระวิษณุ มี 4 กร ทรงถือคฑา สังข์ จักร และดอกบัว มีพาหนะเป็นครุฑ
• พระนารายณ์อวตารมาปราบกลียุคในโลกมนุษย์และโลกสวรรค์ มีทั้งหมด 10 ปาง ได้แก่
1.ปางมัตสยาวตาร อวตาลเป็นปลาขนาดใหญ่โต เนื่องจากต้องการจะปราบหัยศรีอสูร หรือยักษ์ชื่อหัยครีพ เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เหล่ามนุษย์ทั้งหลายหลงผิด จนกระทั่งทำให้เกิดน้ำท่วมโลกขึ้นมา
2.ปางกูรมาวตาร อวตารเป็นเต่ายักษ์ในการกวนเกษียรสมุทร เพราะต้องการจะเอากระดองมารองรับเขามันทระ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดแผ่นดินทะลุลงไปยังโลกมนุษย์ได้
3.ปางวราหาวตาร อวตารเป็นหมูป่า เพราะต้องการที่จะทำการปราบอสูร หิรัณยักษา นอกจากนี้เองก็ยังต้องการที่จะกอบกู้โลกไม่ให้หิรัณยักษา กดให้จมน้ำ
4.ปางนรสิงหาวตาร อวตารลงมาเกิดเป็นสัตว์ที่มีลักษณะครึ่งคนครึ่งสิงห์ เพราะต้องการที่จะปราบเจ้ายักหิรัณยกศิปุ ที่อาละวาดไปทั่วทั้ง 3 โลก ได้แก่ โลกสวรรค์ โลกบาดาล และโลกมนุษย์ เนื่องจากเจ้ายักษ์หิรัณยกศิปุนั้นได้รับพรมาจากพระพรหมว่า ไม่มีใครมนุษย์ สัตว์ เทวดา ยักษ์หรือผู้ใดฆ่าให้ตายได้ ไม่มีอาวุธชนิดใดฆ่าให้ตายได้ ไม่ตายในเวลากลางวันและกลางคืน ไม่ตายในบ้านและนอกบ้าน ดังนั้นพระนารายณ์จึงได้อวตารเป็นนรสิงห์ เพื่อจะฆ่ายักษ์ตนนี้ ลองมาติดตามตอนนี้ดูนะครับ..
“เมื่อพระวิษณุอวตาลเมื่อเป็นนรสิงห์ เพื่อปราบยักษ์หิรัณยกศิปุ ซึ่งฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย จึงรู้ว่าเจ้ายักษ์ตนนี้ได้รับพรวิเศษจากพระพรหม จึงได้จับยักษ์หิรัณยกศิปุมาวางพาดตรงขื่อธรณีประตูบ้าน ซึ่งเวลานั้นเป็นเวลาโพล้เพล้ แล้วถามเจ้ายักษ์ว่า “เราเป็นมนุษย์ใช่มั๊ย เป็นเทวดาใช่มั๊ย เป็นยักษ์ใช่มั๊ย เป็นสัตว์ใช่มั๊ย” ซึ่งเจ้ายักษ์ก็ตอบไม่ได้ แล้วก็ถามต่อว่า “เวลานี้กลางวันหรือกลางคืน” ยักษ์ก็ตอบไม่ได้เช่นกัน แล้วก็ถามต่อว่า “ตอนนี้ตัวท่านอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน” ยักษ์ก็ตอบไม่ได้อีก จากนั้นก็ถามว่า “เล็บมือเราเป็นศาสตราวุธหรือไม่” เจ้ายักษ์ก็ตอบว่า ”ไม่” เจ้านรสิงห์ก็เลยเอากรงเล็บฉีกอกยักษ์หิรัณยกศิปุจนตาย เพราะว่าพรของพระพรหมที่ให้ไว้เสื่อมครับ
สำหรับเรื่องนี้จึงเป็นที่มาของความเชื่อของคนต่างจังหวัดว่า “ห้ามนอนก่อนตะวันตกดิน” และ “ห้ามนั่งทับธรณีประตู” ครับผม...
5.ปางวามนาวตาร อวตาลเป็นพราหมณ์แคระหรือพรามณ์วามนะ ซึ่งมีฤทธิ์เดชมากเพราะต้องการจะมาทรมานอสูรพลี ที่ได้ครองโลกทั้ง 3 อยู่ และไม่มีใครสามารถปราบลงได้ ด้วยเหตุนี้เองพรามณ์วามนะจึงได้ทำการสะกดจิตอสูรพลีเพื่อต้องการให้ยอมเอ่ยสัญญา เมื่อพรามณ์วามนะอยากจะขอพื้นที่บนโลกมนุษย์เพียง 3 ก้าวเท่านั้นเพื่ออาศัย เจ้ายักษ์พลีก็ยินยอมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่หารู้ไม่ว่าหลงกลเจ้าพราหมณ์วามนะ ส่วนเจ้าพราหมณ์ก็ได้ทำการเนรมิตให้ร่างกายมีขนาดใหญ่โต ก้าวเพียง 3 ก้าวก็ได้อาณาเขตไปถึงโลกสวรรค์ โลกบาดาล และโลกมนุษย์ จากนั้นก็ได้ให้ยักษ์พลี ลงไปอยู่ยังใต้บาดาลแทน
6.ปางปรศุรามาวตาร อวตาลเป็นพราหมณ์ โดยได้ถือขวานเพชร เพราะต้องการปราบกษัตริย์ผู้ปราศจากคุณธรรม นอกจากนี้แล้วยังได้ทำการชำระโลกถึง 21 ครั้ง เพียงต้องการทำลายล้างกษัตริย์ให้สิ้นไป
7.ปางรามาวตารหรือรามจันทราวตาร อวตาลเป็นพระรามเพราะต้องการปราบยุคเข็ญและปราบทศกัณฑ์ โดยตามเนื้อเรื่องของคัมภีร์รามายณะ มีฤๅษีวาลมิ เป็นชาวอินเดียแต่งขึ้นมาเมื่อ 2,400 ปีเศษ หลังจากนั้นก็ได้แพร่กระจายออกไปยังประเทศใกล้เคียง
8.ปางกฤษณาวตาร อวตาลเป็นพระกฤษณะ ผู้ที่มีลักษณะผิวกายเป็นสีดำ เพราะต้องการจะปราบเหล่าคนชั่วที่อยู่ในโลก ได้แก่ กษัตริย์กังสะหรือพญากงส์ นอกจากนี้แล้วยังได้เป็นผู้อบรมสั่งสอนพระอรชุน ในด้านธรรมะต่างๆ ภายหลังได้กลายเป็นคำสอนที่อยู่ใน “คัมภีร์ภควัทคีตา” แล้วยังเป็นสารถีขับรถม้าให้กับ พระอรชุน ซึ่งเป็นแม่ทัพฝ่ายปาณฑพ ในสงคราม “มหาภารตยุททธ์” จนได้รับชัยชนะในที่สุด
9.ปางพุทธาวตาร อวตาลมาเป็นพระพุทธเจ้า เนื่องจากต้องการชี้แนะแนวทางให้ผู้ที่หลงผิด ให้ได้เห็นความถูกต้องที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง แต่ก็ยังเป็นความขัดแย้งกับศาสนาพราหมณ์ เพราะการที่พราหมณ์ได้จัดเอาพระสมณโคดม เป็นปางที่ 9 ของพระนารายณ์ สาเหตุเพราะได้รู้ว่ามีผู้เลื่อมใสในทางพุทธศาสนาจำนวนมาก จนในที่สุดก็เกินกำลังและไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นได้อีกต่อไป สุดท้ายจึงได้ผนวกเอาพระพุทธเจ้าให้เป็นอวตารของพระนารายณ์เสียเลย ซึ่งไม่สามารถยอมรับคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้เป็นสิ่งถูกต้องต่อไปได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นก็เท่ากับว่าต้องยอมรับว่าคำสั่งสอนของเหล่าพราหมณ์ทั้งหลายนั้นผิดหมด จึงจำเป็นต้องหาคำกล่าวมาแก้ต่างต่อไปว่าพระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า
10.ปางกัลกยาวตาร อวตารลงมาเป็นอัศวินม้าขาวหรือบุรุษชื่อกัลลี มีดาบวิเศษอันทรงฤทธิ์ เพราะต้องการที่จะปราบคนชั่ว และได้เริ่มมีการสถาปนาระบบธรรมะขึ้นมาใหม่ เพื่อต้องการที่จะให้สังคมบ้านเมืองมีแต่ความสุขตลอดไป

พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณที่ปราสาทบันทายสรี
• พระพรหม : เทพเจ้าผู้สร้างจักรวาลและโลก
• พระพรหมเป็นเทพเจ้าองค์แรกในตรีมูรติ (ได้แก่ พระพรหมณ พระนารายณ์ และพระอิศวร) ในตำราได้กล่าวไว้ว่า พระพรหมนั้นมีกายสีแดง มี 4 พระพักตร์ พระกร 4 ข้าง ถือคฑา ลูกประคำ หม้อน้ำ หรือคันศร ประทับอยู่บนอาสน์บัวบาน และทรงหงส์เป็นพาหนะ ชาวฮินดูที่นับถือไวษพณิกาย จะมีความเชื่ออยู่ว่าพระพรหมได้เกิดออกจากพระนาภีร์(สะดือ)ของพระนารายณ์ ในช่วงเวลาขณะที่กำลังบรรทมอยู่เหนือลำตัวพญานาคในทะเลน้ำนมหรือเกษียรสมุทร
• พระหริหระ
• พระหริ เป็นการรวมเอาพระวิษณุ(หริ) กับ พระศิวะ(หระ) โดยรูปทางด้านซ้ายเป็นพระวิษณุ ส่วนรูปทางทางด้านขวาเป็นพระศิวะ
• พระอินทร์ : เทพผู้รักษาทางด้านทิศตะวันออกและผู้พิทักษ์พุทธศาสนา
• ลักษณะ : พระอินทร์มีพระฉวีจะเป็นสีเขียว และมีพระเนตรมากถึง 1,000 ดวง โดยประทับอยู่ในชั้นวิมาน “อมราวดี” มีบรรดาเหล่านางฟ้าและคนธรรพ์ล้อมรอบอยู่มากมาย ถือวัชระ 6 แฉก เป็นสัญลักษณ์ของสายฟ้า นอกจากนี้ในบางครั้งก็ยังถือดอกบัวอยู่ในพระหัตถ์ ทรงช้างเอราวัณเป็นพาหนะ
• พระนางอุมาเทวี : ผู้ซึ่งเป็นเทวีแห่งความเมตตา
• พระนางอุมาเทวี เป็นพระชายาของพระศิวะ มีลักษณะพิเศษ มี 2 ภาคอยู่ในร่างเดียวกัน ได้แก่ พระอุมาเทวี หรือ ปารพตี โดยจะมีความเรียบร้อยและความเมตตา แต่ในทางตรงข้ามก็จะมีลักษณะที่มีความรุนแรงและโหดร้าย เรียกว่า เจ้าแม่กาลีหรือทุรคา ด้วยเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเกิดมาจากการที่มีเหล่าเทพได้พากันมาช่วยชุบขึ้นเพื่อช่วยกันปราบอสูร ส่วนโอรสของพระนางอุมาเทวีคือ พระขันธกุมาร ซึ่งเป็นเทพแห่งการทำสงคราม และ พระพิฆเนศวร เป็นโอรสของนางทุรคา เศียรจะมีลักษณะเป็นช้าง ซึ่งได้ถูกยกให้เป็นเทพแห่งศิลปะวิทยาการและเทพแห่งความสำเร็จ
• พระสุรัสวดี : ผู้ซึ่งเป็นเทวีแห่งภาษาและความรู้
• พระสุรัสวดีเป็นชายาของพระพรหม โดยหลักฐานจากคัมภีร์มัสยาปุราณะ ได้กล่าวไว้ว่า พระพรหมธาดาซึ่งเป็นผู้สร้างพระนางขึ้นมาเอง ต่อมาภายหลังได้เกิดหลงรักในธิดา และในครั้งนี้เองได้เกิดอภิเษกกับพระธิดาของพระองค์เอง
• ลักษณะ : พระนางสุรัสวดี จะทรงมีพระวรกายขาว ประทับนั่งอยู่บนดอกบัว โดยพระบาทห้อยลงมายังเบื้องล่างข้างหนึ่ง ส่วนพระกรจะถือพิณ บางแห่งที่ได้พบเห็นจะมีเพียงพระพักตร์เดียวเ หรืออาจจะมี 4 พระพักตร์ก็ได้ แต่มี 4 พระกร แต่ในบางแห่งจะมีถึง 8 พระกร ทรงสวมส่าหรี สวมมงกุฎ และเครื่องประดับ ประทับบนหลังนกยูงทองคำ
• พระนางลักษมี : เทวีแห่งความมั่งคั่งและเทวีแห่งความดีงาม
• พระนางลักษมีเป็นชายาของพระวิษณุ ตามหลักฐานของคัมภีร์รามายณะ ได้มีคำกล่าวถึงตอนที่เหล่าเทวดาและยักษ์ทั้งหลายทำการกวนเกษียรสมุทรเพื่อน้ำอมฤต ในการกวนเกษียรสมุทร ได้เกิดสิ่งวิเศษขึ้นมาถึง 14 อย่างและเกิดพระลักษมีขึ้นมาด้วย ครั้นพอพระนางได้ปรากฏกายขึ้นมา ทางด้านของพระนารายณ์หรือพระวิษณุในขณะนั้นยังทรงอวตารอยู่ในลักษณะของเต่าที่มีขนาดใหญ่ ได้เห็นพระนางลักษมี จึงรู้สึกพึงพอใจขึ้นมาในทันที จึงได้แสดงถึงความมีอำนาจฤทธิ์เดชของพระองค์ ทำการบันดาลให้พระนางเข้ามาเป็นชายาของพระองค์ได้อย่างสมปรารถนา
• พระพิฆเนศวร : เทพแห่งศิลปะวิทยาการและเทพแห่งความสำเร็จ
• ผู้ซึ่งเป็นโอรสของพระอิศวรและพระอุมาเทวี (ในภาคของนางทุรคา) เป็นพระเชษฐาของพระขันธกุมาร โดยมีเศียรลักษณะเป็นช้าง ตัวแทนแห่งเทพแห่งศิลปะวิทยาการและเทพแห่งความสำเร็จ มีผู้ที่ให้ความเคารพนับถือกันอย่างมากมาย ทรงหนูเป็นพาหนะ
เทพสุริยันต์จันทร์ทรา ปราสาทบันทายสำเหร่
พระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ปราสาทบันทายสำเหร่
• พระอาทิตย์ : เทพแห่งไฟหรือดวงตะวัน
• พระอาทิตย์เป็นบุตรของพระแม่อทิติและเทพกัศยปะ เมื่อประสูติปรากฏว่าพระแม่อทิติผู้เป็นพระมารดาไม่ได้นำไปเข้าเฝ้าต่อพระผู้เป็นเจ้า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นพระอาทิตย์จึงต้องทำการขับดวงตะวัน ซึ่งเป็นพาหนะประจำกาย เมื่อต้องการจะไปยังโลกมนุษย์และสรวงสวรรค์ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน พระอาทิตย์มีพาหนะเป็นราชสีห์
• พระจันทร์ : เทพเจ้าแห่งเสน่ห์
• จากหลักฐานในคัมภีร์โบราณได้มีการกล่าวเอาไว้ว่า พระจันทร์นั้นมีลักษณะเป็นเทวะหนุ่ม ที่มีรูปงามมีเสน่ห์ที่แรงกล้ายิ่งนัก รวมทั้งมีความเจ้าชู้เป็นอย่างมาก เพราะได้เคยเข้าไปลักลอบเกี้ยวพาราสีชายาของพระพฤหัสบดี ส่วนทางฝ่ายพระพฤหัสบดีเมื่อได้ทราบเรื่องราวไม่รอช้า ได้รีบออกติดตามเข้ามาถึงยังวิมานของพระจันทร์ เพราะต้องการจะนำตัวพระชายากลับคืนมา แต่แล้วเหตุการณ์ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะพระจันทร์ไม่ยอมคืนให้ ในเหตุการณ์ครั้งนี้เองจึงทำให้เกิดศึกสงครามขึ้นมา เมื่อพระพรหมชั้นผู้ใหญ่ได้รับทราบเรื่องราวอย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงได้สั่งให้บรรดาเหล่าเทวะที่อยู่บนสวรรค์เข้ามาช่วยกันห้ามทัพครั้งนี้ อีกทั้งยังได้จัดการให้พระจันทร์ได้คืนชายาแก่พระพฤหัสบดีกลับคืนไป ทางด้านพระจันทร์เองก็ต้องถูกลงทัณฑ์ไม่ให้เข้าร่วมประชุมในเทวสภาด้วย
• แต่มีหลักฐานจากบางตำราได้มีการกล่าวเอาไว้ว่า ในครั้งที่เหล่าอสูรเทพและเหล่าเทวะทั้งหลายได้เข้ามาช่วยกันทำพิธีกวนน้ำอมฤต เพราะต้องการที่จะให้เพิ่มฤทธานุภาพแก่บรรดาเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ในช่วงเวลาขณะที่กำลังกวนน้ำอมฤต ก็ได้ปรากฏการเกิดของเทวะขึ้นมาองค์หนึ่ง นั่นก็คือ พระจันทร์
• พระราหู : เทพนพเคราะห์
• เมื่อครั้งแรกเกิดนั้น พระราหูจะมีหางเป็นนาค ซึ่งได้สถิตอยู่ในชั้นวิมานสีนิลหรือสีดำขลับ แล้วยังมีพญาครุฑเป็นพาหนะ พระราหูนั้นถือได้ว่าเป็นเทวะองค์ที่ 8 ในเหล่าบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์ ในบันทึกคัมภีร์อินเดียยุคโบราณ ได้มีคำกล่าวเอาไว้ว่า พระราหูได้ทำการแปลงตัวให้เป็นเทวะองค์หนึ่ง เพื่อที่จะเข้าร่วมของการชุมนุมเหล่าทวยเทพในการกวนเษียรสมุทรและต้องการที่จะดื่มน้ำอมฤตด้วย แต่พระอาทิตย์และพระจันทร์เห็นเสียก่อน จึงได้รีบนำคำไปบอกแก่พระวิษณุว่า พระราหูแปลงร่างลงมาเป็นเทวดาและได้ลักลอบดื่มน้ำอมฤต ครั้นเมื่อพระวิษณุได้ฟังความทรงกริ้วมาก จึงได้ขว้างจักรออกไปถูกพระราหูจนร่างกายได้ขาดเป็นสองท่อน แต่บังเอิญว่าน้ำอมฤตได้ตกลงไปถึงท้องพอดี เลยทำให้พระราหูไม่ตายและยังมีฤทธิ์สูงมากเท่าเทียมกับเหล่าเทวดาทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระราหูเหลือเพียงแค่ท่อนหัวเท่านั้น แต่ก็ยังสามารถล่องลอยไปมาอยู่ในชั้นสรวงสวรรค์ได้ แล้วยังคอยจ้องจับพระอาทิตย์และพระจันทร์กิน เพื่อเป็นการแก้แค้นให้แก่ตนเอง ส่วนที่เป็นท่องล่างหรือท่องตัวของพระราหูนั้น ได้ขาดหายออกไปจนกลายเป็นพระเกตุ เป็นเทวะแห่งนพเคราะห์องค์ที่ 9 ซึ่งได้มีรูปลักษณ์เป็นผีพุ่งใต้หรือดาวหาง
• พระยม : เทพแห่งความเที่ยงธรรมและความตาย
• เดิมทีนั้น พระยมผู้เป็นเจ้าแห่งนครไวศาลี ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ซึ่งมีความเก่งกาจสามารถในด้านการรบเป็นอย่างมาก แต่ภายหลังได้เกิดล้มป่วยจวบจนใกล้จะสิ้นชีวิต พระยมจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อต้องการจะขอไปเกิดเป็นเจ้าแห่งนรก เพราะมีความปรารถนาที่จะไปทำการควบคุมดูแลพวกคนชั่ว ซึ่งคิดว่าจะได้เปรียบเสมือนเป็นการได้ไถ่บาปที่ตนเองเคยได้ทำการรบราฆ่าฟัน ทำให้ผู้คนมามากมายต้องจบสิ้นชีวิต ถึงแม้ว่าผู้คนเหลานั้นจะเป็นศัตรูก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่ได้สิ้นชีพไปแล้ว พระยมก็ได้สมความปรารถนา เพราะได้ไปเกิดเป็นท้าวมัจจุราช ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งความตาย แล้วยังได้เป็นเจ้าแห่งนรกภูมิ หรือ ยมโลก นั่นเอง
• พระยมหรือท้าวมัจจุราช มีเครื่องฉลองพระองค์เป็นสีแดง ส่วนพระวรกายนั้นจะเปล่งประกายมีรัศมีเป็นสีแดง ซึ่งทำให้ดูแล้วน่าเกรงขาม ทางด้านพระหัตถ์ซ้ายจะถือบ่วงยมบาศ และพระหัตถ์ขวาจะถือไม้ท้าวยมทัณฑ์
• พระกามเทพ : เทพแห่งความรัก
• เมื่อครั้งที่พระสตีเทวี ผู้เป็นมเหสีของพระอิศวรสิ้นพระชนม์ชีพไปแล้ว ฝ่ายพระอิศวรก็ทรงเสียพระทัยเป็นอย่างมาก จนต้องเสด็จไปเข้าฌาน เพื่อต้องการประพฤติพระองค์เป็นสันยาสีแต่เพียงลำพังเท่านั้น เมื่อเวลาได้ผ่านไป พระสตีเทวีก็ได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เป็นบุตรีของท้าวหิมาลัย มีพระนามว่า พระนางอุมาเทวี เหล่าบรรดาเทวดาทั้งหลายต่างมีความหวังต้องการที่จะให้พระนางอุมาเทวีได้เข้ามาเป็นพระมเหสีของพระอิศวร เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้วจึงได้มอบหมายให้กามเทพ รับเป็นผู้ไปปฏิบัติหน้าที่นี้ ทางฝ่ายกามเทพเองก็ได้วานให้วสันต์ ผู้เป็นสหาย ได้จัดการเนรมิตดอกไม้ชนิดต่างๆ ที่มีความสวยสดงดงามผลิบานกันอย่างเต็มต้น จากนั้นจึงได้ทำการเชิญพระนางอุมาเทวีไปคอย และในช่วงนั้นเอง พระกามเทพจึงได้ยิงพระอิศวรด้วยพระปุษปศร (ศรที่ทำมาจากดอกไม้) เมื่อพระอิศวรถูกศร ก็เบิกพระเนตรที่ 3 ขึ้นมา ทันใดนั้นเองก็ได้บันดาลให้เกิดเพลิงไหม้เผาผลาญกามเทพสูญสิ้นไป หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อพระอิศวรได้คลายความพิโรธหมดไปแล้ว จึงได้โปรกให้พระกามเทพได้เกิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยให้เป็นพระประทยุมน์และเป็นพระโอรสของพระกฤษณะ (อวตารที่ 8 ของพระนารายณ์) กับนางรุกมิณี
เขมร นครวัด ภาษาเขมร กัมพูชา
• ข้อมูลท่องเที่ยว เขมร นครวัด นครธม 
นครวัด เขมร นครวัด นครธม
• นครวัด เขมร นครวัด นครธม เก็บรูปท่องเที่ยวนครวัด นครธม เสียมเรียบ ดินแดนแห่งอารยะธรรมขอมโบราณ ความอลังการที่ยิ่งใหญ่จริงๆ อยากแนะนำว่าน่าจะลองไปเที่ยวดูกัน
ปราสาทบันทายสรี
• ปราสาทบันทายสรี ปราสาทแห่งนี้สร้างใน พ.ศ. 1510 ก่อสร้างด้วยหินทรายสีชมพู มีความงามทางด้านลวดลายเป็นเลิศ สร้างเพื่อบูชาพระศิวะ
นครวัด เที่ยวนครวัด
• นครวัด เที่ยวนครวัด ปราสาทนครวัด ก่อสร้างในรัชสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 พ.ศ. 1650 – 1693 จุดประสงค์เพื่อสร้างอุทิศถวายแก่พระวิษณุเทพในศาสนาฮินดูหรือศาสนาพราหมณ์
พนมกุเลน ปราสาทพนมกุเลน
• พนมกุเลน ปราสาทพนมกุเลน ต้นกำเนิดของแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งปราสาทหินที่มีอายุพันกว่าปี สร้างก่อนนครวัด ชม ศิวลึงค์ใต้น้ำ ฐานโยนีใต้น้ำ จำนวนมาก และ รูปพระนารายณ์ใต้น้ำ
นครธม ปราสาทนครธม
• นครธม ปราสาทนครธม สร้างในปีพุทธศตวรรษที่ 18 รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พ.ศ. 1720-1780 เป็นช่วงเวลาที่อาณาจักรขอมโบราณมั่งคั่งและรุ่งเรืองที่สุด
ระบำอัปสรา ช้อปปิ้งของฝากเขมร
• ระบำอัปสรา ช้อปปิ้งของฝากเขมร ระบำอัปสรา ศิลปะแห่งเขมร แนะนำแหล่งช้อปปิ้งของฝากของที่ระลึกที่ ตลาดปซาจ๊ะ (PSA JA MARKET)
ปราสาทตาพรหม
• ปราสาทตาพรหม สร้างในปลายปีพุทธศตวรรษที่ 18 (พ.ศ. 1729) รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทตาพรหม จัดได้ว่าเป็นวัดในพุทธศาสนา
ภาษาเขมร ภาษากัมพูชา
• ภาษาเขมร ภาษากัมพูชา สวัสดี ซัวซไดย, ขอบคุณ ออกุน, ลาก่อน เรียนซันเฮย, ห้องน้ำ ต๊บตึ๊ก, อร่อย ชงัล, ขอให้มีสุขภาพดี สุขะเพียบละออ
• ข้อมูลท่องเที่ยวกัมพูชา
ทัวร์โปรโมชั่น
• โปรแกรมทัวร์อื่นๆ - เช็คที่นั่ง
• โปรแกรมจอยทัวร์
• XIN879-CZ : เส้นทางสายไหม หลานโจว ภูเขาสายรุ้ง จางเย่ ด่านเจียยี่กวน ถ้ำตุนหวง สระน้ำวงพระจันทร์ ถ้ำโมเกาคู ทูรูฟาน ภูเขาหิมะเทียนซาน อูรูมูฉี (CZ)
• ชมความมหัศจรรย์ของ ภูเขาสายรุ้ง Rainbow Mountain กับธรรมชาติที่สรรค์สร้าง
• ชม ถ้ำตุนหวง ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ขี่อูฐกลางทะเลทราย
• เที่ยวชม ภูเขาหิมะเขาเทียนซาน สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของซินเจียง (มรดกโลก)
• ไม่ลงร้านช้อป - อาหารดี - โรงแรม 5 ดาว – บิน CHINA SOUTHERN AIRLINE นั่งสบาย
• วันที่ 2 – 9 เมษายน, 9 – 16 เมษายน, 30 เมษายน – 7 พฤษภาคม, 9 – 16 พฤษภาคม, 21 – 28 พฤษภาคม 2568
• UQ-879 : เส้นทางสายไหม ภูเขาสายรุ้ง ถ้ำตุนหวง สกีหิมะ Silk Road ลั่วหยาง หลานโจว จางเย่ ด่านเจียยี่กวน ตุนหวง สระน้ำวงพระจันทร์ ถ้ำโมเกาคู อูรูมูฉี (UQ)
• เที่ยวชม เมืองลั่วหยาง หนึ่งในสี่เมืองหลวงเก่าที่ยิ่งใหญ่ของหลายราชวงศ์จีน
• ชมความมหัศจรรย์ของ ภูเขาสายรุ้ง Rainbow Mountain กับธรรมชาติที่สรรค์สร้าง
• ชม ถ้ำตุนหวง ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ขี่อูฐกลางทะเลทราย
• สนุกสนานกับ สกีหิมะ Silk Road เขาเทียนซาน ลานสกีที่โด่งดังของเมืองอูรูมูฉี
• อาหารดี - โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว – บิน Urumqi Air (UQ) 3 ไฟลท์ เที่ยวแบบไม่เหนื่อย
• วันที่ 14 - 21 มีนาคม 2568 : ราคา 59,995.-บาท
ทัวร์ซีอาน ดอกโบตั๋นบาน
• CGO651-DD : ซีอาน เทศกาลดอกโบตั๋นบาน ลั่วหยาง สุสานทหารดินเผาจิ๋นซี ถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี อุทยานหยุนไถ่ซาน ถ้ำหลงเหมิน เจดีย์ห่านป่าใหญ่ โชว์เส้นทางสายไหม (DD)
• ชม ดอกโบตั๋นบาน เทศกาลดอกโบตั๋นบานเมืองลั่วหยางที่สวยงามที่สุดในประเทศจีน
• ชม สุสานทหารดินเผาจิ๋นซี อันยิ่งใหญ่ และชม ถ้ำผาหลงเหมิน ผาหินแกะสลักมรดกโลก
• ชม ถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี คล้ายคริสตัลและชม อุทยานหยุนไถซาน อุทยานสวรรค์ที่สวยงามที่สุด
• ชม โชว์เส้นทางสายไหม โชว์ที่สวยที่สุดของซีอานที่บอกเล่าเรื่องราวเส้นทางการค้าโบราณ
• อาหารดี - โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว – นั่งรถไฟความเร็วสูง (ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ)
• วันที่ 12 - 17 เมษายน 2568
• TG-651 : คุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่า วัดซงจ้านหลิง ภูเขาหิมะมังกรหยก สวนดอกไม้ฮอบบิท เมืองโบราณลี่เจียง (TG)
• นั่งรถไฟความเร็วสูง คุนหมิง-แชงกรีล่า เที่ยวสวนดอกไม้ฮอบบิท
• นั่งกระเช้าใหญ่ขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก
• อาหารดี - โรงแรม 5 ดาว – บินการบินไทย - ไม่ลงร้านช้อป
• วันที่ 11 - 16 กุมภาพันธ์, 11 - 16 เมษายน, 12 - 17 เมษายน 2568
ทัวร์หุบเขาเทวดา
• FD659-CSX : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่ หมู่บ้านโบราณหวงหลิง ล่องเรือชมแสงสีอู้วนี่โจว ภูเขาหลิงซาน ไหว้พระใหญ่ตงหลิน เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น พิพิธภัณฑ์เซรามิค (FD)
• เที่ยว หมู่บ้านโบราณหวงหลิง นับเป็นหมู่บ้านสวยที่สุดในเมืองอู้หยวน มณฑลเจียงซี
• พักใน หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่ ถ่ายรูปสวยๆแสงสีแสงไฟยามค่ำคืน
• นำท่าน ล่องเรือ ชมแสงสียามค่ำคืนอู้วี่โจว พร้อมชมแลนด์มาร์คแห่งใหม่
• อาหารดี - โรงแรมระดับ 5 ดาว – ไม่ลงร้านช้อป - ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ
• วันที่ 11 - 16 กุมภาพันธ์, 18 - 23 มีนาคม, 22 - 27 เมษายน 2568
• PU-541 : ภูฏาน พาโร ทิมพู ปูนาคา วัดทักซัง พาโรซอง ทิมพูซอง ปูนาคาซอง ซิมโทกาซอง คิชูลาคัง สวนสัตว์ภูฏาน (KB)
• เที่ยวครบ 3 เมืองหลัก เมืองพาโร เมืองทิมพู เมืองปูนาคา
• อาหารดี - โรงแรมที่พักมาตรฐานรัฐบาล
• วันที่ 29 ธันวาคม - 2 มกราคม 2568
• INDIA877 : อินเดีย เนปาล พุทธคยา ราชคฤห์ กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี ล่องเรือ สารนาท พารานสี (TG)
• เที่ยวครบ 4 สังเวชนียสถาน พุทธคยา กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี พาราณสี
• ชม ล่องเรือแม่น้ำคงคา เที่ยวชม วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
• พักโรงแรม 4 ดาว - มีอาหารไทย - มีพระวิทยากร - บินการบินไทย
• วันที่ 9 - 16 กุมภาพันธ์ 2568
• DEL755-TG : ถ้ำอชันต้า ถ้ำเอลโลร่า ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ท มุมไบ ถ้ำช้ำง วัดพระพิฆเนศ (TG)
• ชม ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า เมืองออรังกาบัด
• ชม ถ้ำช้าง และ วัดพระพิฆเนศเมืองมุมไบ
• เที่ยวชม ทัชมาฮาล และ อัคราฟอร์ท เมืองอัครา
• พักโรงแรม 4 ดาว บินการบินไทยและบินภายใน 2 ไฟลท์
• วันที่ 11 - 17 กุมภาพันธ์ 2568 : ราคา 53,995.-บาท
• Pune636-6E : ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า เมืองออรังกาบัด ชมถ้ำพุทธศิลป์อินเดีย ขอพรพระพิฆเนศ เมืองปูเน่ (6E)
• เที่ยว 2 ถ้ำพุทธศิลป์ ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า
• ไหว้พระพิฆเนศ เมืองปูเน่
• พักโรงแรม 4 ดาว - อาหารดี - บินตรงเมืองปูเน่
• วันที่ 12 – 17 กุมภาพันธ์, 2 – 7 เมษายน 2568 : ราคา 34,995.-บาท
• Pune635-6E : ไหว้พระพิฆเนศ 9 วัด เมืองปูเน่ เมืองต้นกำเนิดพระพิฆเนศ (6E)
• เที่ยว 2 ถ้ำพุทธศิลป์ ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า
• ไหว้พระพิฆเนศ เมืองปูเน่
• พักโรงแรม 4 ดาว - อาหารดี - บินตรงเมืองปูเน่
• วันที่ 15 – 20 มกราคม, 12 – 17 กุมภาพันธ์, 2 – 7 เมษายน 2568 : ราคา 37,995.-บาท
• DEL864-AI : แคชเมียร์ ดอกทิวลิปบาน ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ด ศรีนาคา พาฮาลแกม Aru Valley สวนชาลิมาร์ กุลมาร์ค โซนามาร์ค ล่องทะเลสาบดาล (AI)
• เที่ยวชม ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชม อัคราฟอร์ท Agra Fort พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์โมกุล
• เที่ยวครบ 4 สถานที่หลัก พาฮาลแกรม, กุลมาร์ค, โซนามาร์ค และ เมืองศรีนาคา
• ชม เทศกาลดอกทิวลิปบาน ปีละครั้ง (เฉพาะเดือนเมษายน)
• อาหารดี - โรงแรมดีระดับ 4-5 ดาว 6 คืน / เดินทางสะดวกสบายโดย Air India (Full-Service)
• วันที่ 6 - 13 เม.ย., 12 - 19 เม.ย., 13 - 20 เมษายน 2568 : ราคา 56,995.-บาท
• DEL189-AI : แคชเมียร์ ดอกทิวลิปบาน ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ด ชัยปุระ นครสีชมพู ศรีนาคา พาฮาลแกม Aru Valley สวนชาลิมาร์ กุลมาร์ค โซนามาร์ค ล่องทะเลสาบดาล (AI)
• เที่ยวชม ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชม อัคราฟอร์ท Agra Fort พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์โมกุล
• ชม เมืองชัยปุระ นครสีชมพู เมืองแห่งอารยธรรมราชบุตร
• เที่ยวครบ 4 สถานที่หลัก พาฮาลแกรม, กุลมาร์ค, โซนามาร์ค และ เมืองศรีนาคา
• ชม เทศกาลดอกทิวลิปบาน ปีละครั้ง (เฉพาะเดือนเมษายน)
• วันที่ 6 - 15 เมษายน 2568 : ราคา 66,995.-บาท
 
• สอบถามทัวร์เพิ่มเติม
• ID Line Office : @oceansmiletour
• คุณเล็ก โทร.082-3656241   • ID Line : lekocean2
• คุณโจ้ โทร.093-6468915    • ID Line : oceansmile
• รับทำกรุ๊ปเหมา เที่ยวส่วนตัว ดูงาน
• ประเทศจีน (ทุกเมือง) อินเดีย (ทุกเมือง)
• เนปาล ภูฏาน บาหลี ศรีลังกา ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า
บริษัท โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จำกัด โทร. 0-2969 3664, 0-2949 5134-36
เลขที่ 23/121 ซอยนวมินทร์ 161 แยก1-4 ถ.นวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230

Hotline 0-936468915, 0-823656241 ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028