|
สถานที่ท่องเที่ยวมณฑลกานซู ประเทศจีน |
แม่น้ำหวงเหอ สะพานแรกแม่น้ำเหลือง เมืองหลานโจว |
สะพานแรกแม่น้ำเหลือง |
สะพานแรกแม่น้ำเหลือง |
แม่น้ำเหลือง เมืองหลานโจว |
เที่ยวสะพานแรกแม่น้ำเหลือง |
สะพานแม่น้ำเหลือง
เมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ |
|
|
สะพานแรกแม่น้ำเหลือง
มณฑลกานซู่ |
|
|
สะพานแรกแม่น้ำเหลือง
มณฑลกานซู่ |
|
|
หลานโจว : เมืองหลวงของมณฑลกานซู
เมืองหลานโจว (Lanzhou) เป็นเมืองหลวงของมณฑลกานซู
มีเนื้อที่ 14,620 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 2.83 ล้านคน
ซึ่งในจำนวนนี้เป็นชนกลุ่มน้อย 37 กลุ่ม เช่น ชนชาวหุย ชาวจั้ง
ชาวตงเชียง ชาวอุยกูร์ เขตเมืองอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,520
เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 11 องศาเซลเซียส
ในสมัยราชวงศ์ฮั่นเรียกว่า เมืองจินเฉิง หรือเมืองแห่งทองคำ
เพราะได้สร้องเมืองที่ได้ขุดพบแร่ทองคำทางตอนเหนือของเมือง
ล้อมรอบด้วยขุนเขาทางเหนือและทางใต้ คือ ภูเขาเกาหลานซาน
และฟ่งหวง แม่น้ำหวงเหอ เป็นแม่น้ำสายเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงประเทศจีน
ไหลผ่านกลางเมืองหลานโจว และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำบนที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต
สภาพภูมิประเทศโดยส่วนใหญ่เป็นภูเขาบนที่ราบสูงอันแห้งแล้ง
จะหาที่ราบพอเพาะปลูกได้ยากวิถีชีวิตของชาวบ้านนั้นจะเพาะปลูกเล็กๆน้อยๆ
ตามที่ราบขนาดเล็ก โดยจะเจาะภูเขาหัวโลนที่มีอยู่โดยทั่วไปนั้นเป็นช่องเล็กๆเพื่อจะใช้เป็นชาย
คาเพิงพักเพื่อหลบแดดหลบฝนในการดูแลพื้นที่เพาะปลูก มณฑลนี้ยังเป็นเมืองแห่งถ้ำหลักที่สำคัญของจีน
คือ ถ้ำโม่เกา แห่งเมืองตุนหวง ถ้ำวัดปิงหลิง เมืองหลินเซี่ย
และถ้ำเขาไม่จีซาน เมืองเซี่ยเหอ
จากนครฉางอาน มุ่งสู่ทิศตะวันตกตามเส้นทางสายไหมทั้งในอดีตและปัจจุบัน
โดยจะต้องเดินทางผ่านเข้าไปยังมณฑลกานชูเป็นมณฑลที่ทอดตัวยาวเหยียดจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือสู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้
และถือเป็นถนนสายหลักของเส้นทางนี้ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่เมืองหลานโจว
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑล โดยในขณะที่เดินทางนั้นจะต้องข้ามแม่น้ำหวงเหอ
หรือแม่น้ำเหลือง อันเปรียบเสมือนเป็นมารดาแห่งอู่อารยธรรมจีนโบราณมายาวนานกว่า
4,000 ปี แม่น้ำสายนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นแม่น้ำที่มีความเกรี้ยวกราดเป็นที่สุดในโลกสายหนึ่ง
ซึ่งได้ทอดตัวขวางกั้นเส้นทางนี้ไว้
หลานโจว เมืองเอกของมณฑลกานซู่ถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับสอง
โดยเป็นรองก็แค่เพียงเมืองซีอานแห่งมณฑลส่านซีเท่านั้น เมืองหลานโจวมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเช่นเดียวกันมณฑลกานซู่
โดยนับแต่อดีตกาล เส้นทางสายไหม อันเป็นเส้นทางค้าขายระหว่างจีนกับทวีปยุโรป
แอฟริกาก็มีเส้นหนึ่งที่ผ่านเมืองหลานโจวแห่งนี้ โดยว่ากันว่าเมื่อครั้งที่
พระเสวียนจั้ง (พระถังซำจั๋ง) เดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ประเทศอินเดีย
ท่านก็ต้องธุดงค์ผ่านดินแดนที่กลายเป็นเมืองหลานโจวในปัจจุบันนี้เช่นกัน
ในยุคสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากจีนเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างเข้มข้น
เมืองหลานโจวก็กลับกลายไปได้รับฉายาว่าเป็น 'เมืองที่มองไม่เห็น'
เนื่องจากเมืองแห่งนี้เป็นเมืองใหญ่ที่มีมลพิษทางอากาศสูงเป็นอันดับหนึ่ง
ของประเทศจีนตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
สนามบินสำคัญ สนามบินหลานโจวจงชวน
อาหารลือชื่อ บะหมี่เนื้อวัวหลานโจว
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
สะพานแห่งแรกแม่น้ำเหลือง หรือ
สะพานเหล็กจงซาน หวงเหอตี้อิ๊เฉียว แปลว่า สะพานแห่งแรกแม่น้ำเหลือง
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำหวงเหอ แรกสร้างตั้งแต่ราชวงศ์หมิ ปี
ค.ศ. 1372 โดยซ่งกั๋วกง(เทียบตำแหน่งเจ้าพระยา) นามเฝิงเสิ้ง
อยู่ห่างจากตัวเมืองหลานโจวสมัยนั้น ไปทางทิศตะวันตก เป็นสะพานแบบพาดบนเรือที่ร้อยติดกันด้วยเชือกและโซ่
หรือสะพานแบบลอยน้ำนั่นเอง ต่อมาในปี ค.ศ. 1376 เว่ยกั๋วกง
นามเติ้งอวี้ ได้ย้ายตัวสะพานออกไปอีก กลายเป็นห่างจากตัวเมืองหลานโจวไปทางทิศตะวันตก
จึงตั้งชื่อสะพานว่า เจิ้นเหวี่ยนเฉียว
ครั้นถึงปี ค.ศ. 1385 แม่ทัพแห่งเมืองหลานโจวนามว่า หยางเหลียน
ได้ย้ายสะพานลอยน้ำ มาอยู่ในที่ตั้งสะพานปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบัน
เวลานี้ ก็ยังเหลือเสาสะพานลอยน้ำเหล็กหล่อยาว 5.8 เมตร
จำนวน 3 ต้น น้ำหนัก 10 ตันเป็นอนุสรณ์
ปี ค.ศ. 1907 รัฐบาลชิงในสมัยนั้น พร้อมกับความเห็นชอบของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประจำท้องถิ่น
และความช่วยเหลือของพ่อค้าชาวเยอรมัน ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือทางเทคนิคจากเยอรมันและอเมริกา
รัฐบาลชิงได้ใช้งบประมาณเป็นเงินกว่าสามแสนตำลึง สร้างสะพานเหล็กเส้นแรกของแม่น้ำเหลืองหรือหวงเหอ
โดยสะพานมีความยาว 233.33 เมตร กว้าง 7.5 เมตร
ต่อมาในปี ค.ศ. 1942 เปลี่ยนชื่อสะพาน เป็นสะพาน จงซานเฉียว
(สะพานเหล็กดร.ซุนยัดตเซ็น) เพื่อเป็นการระลึกถึ ง ดร.ซุนยัตเซ็น
บิดาแห่งจีนใหม่
อนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง (Huang
He Mu Qing) หวงเหอหมู่ชิน หรือมารดาแม่น้ำเหลือง
เป็นผลงานของศิลปินหญิงชาวจีน ชื่อ เหอเอ้อ ตั้งอยู่ช่วงกลางถนนปินเหอลู่
สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1986 ประติมากรรมนี้ สลักจากหินแกรนิต
มีความยาว 6 เมตร กว้าง 2.2 เมตร และสูง 2.6 เมตร มีน้ำหนักกวา
60 ตัน เป็นรูปสลักที่เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของชนชาวจีน ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่ง
อนุสาวรีย์เป็นรูปนอนตะแคง ศอกดันศรีษะขันมองลูกน้อยที่นอนอิงแอบอยู่ข้างๆ
มารดาสายตาที่นางมองดูลูกน้อยนั้น เป็นแววตาที่ช่างอบอุ่นด้วยความรักเป็นที่สุดรูปปั้นนี้เปรียบเสมือนแม่น้ำหวงเหอ
เป็นมารดาที่หล่อเลี้ยงมวลประชาชาวจีนหลายร้อยล้านคนที่ประดุจดังหนึ่งเป็นบุตรน้อยของนางมายาวนานกว่า
4,000 ปี ต้นธารแห่งประวัติศาสตร์ชาติจีน ที่มีความผูกพันกับสายน้ำหวงเหออย่างลึกซึ้ง
มิแห่งแต่ปฐมกษัตริย์ในยุคตอนต้น ทรงเกรงต่ออิทธานุภาพของลำน้ำหวงเหอ
ในตอนกลางของมณฑลชิงไห่ ตาน้ำไหลเป็นสายธารน้อยๆลงสู่ทะเลซิงซู่ไห่
หรือทะเลประดับดาว อันเป็นบึงเล็กบึงน้อยนับร้อยแห่ง แล้วไหลลงสู่ทะเลสาบใหญ่
2 แห่ง ที่อยู่เรียง เคียงกันคือ เอ๋อหลิงหูและจาหลิงหู
ที่จุดกำเนิด ที่ชาวทิเบตเรียกขานหวงเหอว่า หม่าซิว แปลงว่า
แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก
กังหันวิดน้ำโบราณ เป็นของชาวลุ่มน้ำหวงเหอสมัยโบราณ
ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนอนุสาวรีย์ของมารดาแม่น้ำเหลือง มีบันทึกระบุไว้ว่า
ในอดีตกาล สองฟากฝั่งของหวงเหอเขตเมืองหลานโจว มีกังหันวิดน้ำภูมิปัญญาชาวบ้าน
ตั้งเรียงรายอยู่ถึง 252 กังหัน จนหลานโจวได้สมญานาม เมืองหลวงแห่งกังหันน้ำของจีน
ใกล้ๆ กันยังมีโม่หินสำหรับบดเมล็ดพืชโดยใช้พลังน้ำให้ชม
และยังมีชาวบ้าน นำ แพหนังแกะ มาให้นักท่องเที่ยวทดลองนั่งข้ามฝั่งหวงเหอแบบคนโบราณอีกด้วย
อุทยานเขาเจดีย์ขาว หรือ วัดไป๋ถ่าซาน
ตั้งอยู่บนเขาไป๋ถ่าซาน ฝั่งเหนือแม่น้ำหวงเหอ หรือแม่น้ำเหลือง
ในเมืองหลานโจว องค์เจดีย์ดั้งเดิม สร้างเพื่อระลึกถึง พระลามะทิเบตนกายศากยะรูปหนึ่ง
ให้ไปเข้าเฝ้าเจ็งกีสข่าน ราชันแห่งมองโกล แต่เกิดอาพาธ
และมรณภาพเสียก่อนที่เมืองหลานโจว องค์เจดีย์เดิมนั้น ไม่เหลือให้เห็นอีกแล้ว
แต่ที่เห็นในปัจจุบันนั้น เป็นการสร้างขึ้นใหม่โดยเจ้าเมืองของหลานโจว
สมัยราชวงศ์หมิง ศักราชจิ่งไท่ (ค.ศ.1450-1456)
ต่อมาในสมัยราชวงศ์ชิง ศักราชคังซีปีที่ 54 (ค.ศ.1715)
ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ ทั้งตั้งชื่อใหม่ว่า ฉือเอินชื่อ
องค์เจดีย์ขาว มีเจ็ดชั้นแปดด้าน เป็นสถาปัตยกรรมอย่างจีน
สูง 17 เมตร สูงจากระดับน้ำพื้นประมาณ 300 เมตร ฐานเจดีย์เป็นรูปทรงกลมแบบทิเบต
มีลวดลายแกะสลักอิฐเป็นลายเถาดอกไม้และลายหงส์ นับเป็นศิลปะกรรมแบบผสมผสาน
ปัจจุบัน แดดและลมได้กัดเซาะสีขาวไปหมดแล้ว คงเห็นแต่สีธรรมชาติของอิฐ
ม้าสวรรค์ซีเทียนหม่า หรือ ม้าสวรรค์ตะวันตก
หรือ หม่าท่าเฟยเยี่ยน ที่สถานีรถไฟหลานโจวนั้นเป็นรูปปั้นจำลอง
โดยรูปปั้นจริงที่มีความสูงเพียง 34.5 เซนติเมตร มีความยาวจากจมูกจรดปลายหางอันเหยียดตรงยาว
45 เซนติเมตร ถูกค้นพบในสุสานของแม่ทัพเหลยไถ แห่งราชวงศ์ฮั่น
ในเดือนตุลาคมของปี ที่เมืองอู่เว่ย
'หม่าท่าเฟยเยี่ยน' เป็นรูปม้าหล่อสัมฤทธิ์ที่ถูกหล่อขึ้นในสมัยฮั่นตะวันออก
(ค.ศ.25-189) ความสมส่วน และสวยงามตั้งแต่หัวจรดหาง ตั้งแต่หลังปลายหูจรดกีบเท้าของม้าตัวนี้
ทางหนึ่งแสดงให้เห็นถึงความสุดยอดในทางศิลปะของชาวจีนเมื่อเกือบ
2,000 ปีก่อน ที่สามารถสร้างสรรให้รูปสัมฤทธิ์สามารถกลายเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้
เมื่อนำม้าตัวนี้ประกอบเข้ากับนกนางแอ่นที่กำลังเหินอยู่เบื้องล่าง
ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงจินตนาการที่ว่า ม้าตัวนี้กำลังวิ่งควบไปด้วยความเร็วสูงจนคล้ายกับว่ากำลังบินไปเช่นเดียว
กับนกนางแอ่นที่โผบินอยู่บนฟ้าของช่างศิลป์ผู้รังสรรค์ผลงาน
และส่งให้งานชิ้นนี้กลายเป็นงานที่ผสมผสานศิลปะแนวสัจนิย
กับ โรแมนติกนิยมได้อย่างลงตัวที่สุด
ภูผาเพลิง เป็นที่ตั้งของสหัสพุทธคูหาเบซคลิก
อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเทอร์ฟาน มีความยาว
100 กิโลเมตร ยอดสูงสุด 871 เมตร อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูร้อนสูงถึง
47 องศาเซลเซียส ลักษณะริ้วร่องคล้ายเปลวไฟ อันเป็นที่มาของชื่อ
ภูผาเพลิง ซึ่งเกิดขึ้นจากการกัดเซาะของลมและฝนในธรรมชาติเป็นเวลานานหลายล้านปี
จากตำนานพื้นบ้านที่โด่งดังของจีน ในเรื่อง ไซอิ๋ว ระบุว่าภูผาเพลิงเกิดขึ้นจากความซุกซนของ
เห้งเจีย ศิษย์เอกที่เป็นลิงของพระถังซำจั๋ง เพราะเห้งเจียได้ยินเสียงร่ำลือว่า
มีลูกท้อสวรรค์กินแล้วเป็นยาอายุวัฒนะ เห้งเจียจึงบุกขึ้นไปขโมยแต่ถูกเทวดาไล่จับ
เห้งเจียกระโจนหนีจึงพลาดไปเตะกระถางเพลิงบนสวรรค์ ตกลงมาโลกมนุษย์
จนกลายเป็นภูผาเพลิง ลุกไหม้หางเห้งเจียลามถึงก้น เป็นเหตุให้ก้นลิงทุกตัวเป็นสีแดงมาจนทุกวันนี้
จากนั้นเห้งเจียใช้พัดใบปาล์มพัดจนเกิดเมฆฝนตกลงมาดับเพลิงที่ภูผาเพลิงสำเร็จ
แล้วพระถังซำจั๋งกับสานุศิษย์ก็เดินทางจาริกแสวงบุญต่อไปในที่สุด
ปัจจุบัน ภูผาเพลิง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ จุดที่น่าชมประกอบด้วย
สหัสพุทธคูหาเบซคลิก เมืองโบราณเกาซาง สุสานอัสตานาหรือสุสานนครหลวง
เมืองโบราณเจียวเหอ เส้นทางท่องเที่ยวคือ บินจากเมืองซีอาน
หรือ เฉิงตู มุ่งสู่ อู่หลู่มูฉี แล้วนั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมง
มาที่เมืองเทอร์ฟาน และภูผาเพลิง ฤดูกาลที่เหมาะสมคือ เดือนเมษายน
พฤษภาคม และ เดือนกันยายน-ตุลาคม
วัดปิงหลิง อยู่บนลำธารน้ำสาขาน้อยของหวงเหอ ที่อยู่ลึกเข้าไปทางด้านขวามือประมาณ
300 เมตร สมัยก่อนจะเข้าถึงตัววัดได้เฉพาะในยามฤดูน้ำหลากคือเดือน
6 ถึงเดือน10 เท่านั้น ปัจจุบันเขาทำทางเดินเลียบหน้าผา
และสายน้ำสาขานี้ไปจนถึงตัววัด
วัดปิงหลิง เริ่มสร้างในสมัยราชวงศ์จิ้นตะวันตก
(พ.ศ.928-974) ในสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ ได้เรียกชื่อว่า วัดถ้ำถังซู่
ตามชื่อหุบเขาถังซู่ ต่อมาในราชวงศ์ซ่ง เรียกกันว่า วัดหลิงเยี่ยน
กระทั่งจนถึงสมัยราชวงศ์หยวน ได้รับชื่อว่า ปิงหลิงซื่อ
คำว่า ปิงหลิง เป็นคำพ้องเสียงในภาษาทิเบต ว่า เสียน ปา
ปิงหลิง (XianBa Bingling) หมายถึง พระสิบหมื่นองค์ หรือ
สถานที่ที่พระศรีอาริยเมตไตรยประทับอยู่มากมาย
ในยุคสมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ.1191-1450) ยุคเฟื่องฟูทางการค้าและพระพุทธศาสนาได้เจริญไพบูลย์ในแผ่นดินจีน
ทั้งพ่อค้าวาณิช ขุนนาง ทหาร หรือพระภิกษุผู้จาริกแสวงบุญต่างก็จะมาแวะพักที่นี่
แล้วบริจาคเงินเพื่อสร้างพุทธศิลป์ถวายเป็นพุทธบูชา จนมีคูหาถ้ำเล็กถ้ำน้อยต่างๆ
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ และเหล่าเทพอัปสรมากมาย
นับได้ 183 คูหา ประกอบด้วยพระพุทธรูปปั้น 82 องค์ และภาพเขียนบนผนังถ้ำรวมพื้นที่กว่า
900 ตารางเมตร หรือเกือบ 1 ตารางกิโลเมตร
โดยมีพระพุทธรูปปางประทับนั่ง เรียกขานกันว่า หลวงพ่อโต
หรือ ต้าฝอชื่อ สร้างสมัยราชวงศ์ถัง เปรียบดังพระปฏิมาพระประธานของวัดปิงหลิงแห่งนี้
มีความสูง 27 เมตร ท่อนบนแกะสลักบนหน้าผาหิน ส่วนท่อนล่างสร้างเป็นปูนปั้นยื่นออกมา
พระพักตร์สงบนิ่ง ลายสลักจีวรขององค์พระนั้นพริ้วไหวราวกับสายน้ำ
เป็นที่เด่นสะดุดตาผู้แสวงยุญมาแต่ไกล
องดีเมืองหลานโจว
บะหมี่เนื้อหลานโจว
บะหมี่เนื้อหลานโจวถือเป็นอาหารขึ้นชื่อของหลานโจวที่ชื่อเสียงขจรขจายไป
ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในหมู่ชาวจีนภาคเหนือที่โดยปกติแล้วก็ชอบรับประทานอาหารจำพวกเส้น
เป็นเมนูหลัก อันผิดกับชาวจีนที่อยู่ทางใต้ที่รับประทานข้าว
เป็นอาหารหลัก
ประวัติในการคิดค้นบะหมี่เนื้อน้ำใสของหลานโจว นั้นสามารถย้อนไปได้ถึงปลายราชวงศ์ชิง
สมัยจักรพรรดิกวงสู้ โดยเป็นบะหมี่ที่ถูกคิดค้นมาจากฝีมือของผู้เฒ่าชาวหุย
ผู้หนึ่งนามหมาเป่าจึ
สำหรับบะหมี่เนื้อหลานโจวนั้นมีดีตรงที่เส้นเหนียวนุ่ม
น้ำซุปซดชุ่มคอ โดยเคล็ดลับเขาว่ามีอยู่ 4-5 ประการคือ เส้นของบะหมี่หลานโจวจะต้องเป็นเส้นบะหมี่สีเหลืองมันและใช้มือทำไม่ใช้
เครื่องจักร น้ำซุปจะต้องเป็นน้ำใส หัวไชเท้าจะต้องขาวสะอาด
ผักจะต้องเป็นผักเขียว และพริกที่ใช้ทำเป็นเครื่องปรุงจะต้องเป็นของดี
ความโด่งดังของบะหมี่เนื้อหลานโจวนี้เอง ส่งให้ในทุกมณฑลทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนไม่ว่าจะเป็น
ส่านซี กานซู่ ชิงไห่ ซินเกียง เป็นต้น ต่างก็มีร้านบะหมี่หลานโจวเปิดอยู่เต็มไปหมด
ทั้งนี้นอกเหนือไปจากสาเหตุของความอร่อยถูกปากคนท้องถิ่นแล้ว
อีกสาเหตุที่ทำให้บะหมี่หลานโจวได้รับความนิยมอย่างมากก็คือราคาอันย่อมเยา
เพียง 2-3 หยวนต่อชามของบะหมี่เนื้อหลานโจวที่สามารถเติมท้องว่างๆ
ให้อิ่มได้นั่นเอง
ผลไม้เมืองหลานโจว
ในช่วงหน้าร้อน ประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม บนบาทวิถีของหลานโจวละลานไปด้วยผลไม้ราคาย่อมเยานานาชนิด
ทั้งที่เมืองไทยปลูกได้และปลูกไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น กล้วยหอม
แคนตาลูป องุ่นแดง/เขียว แอปเปิ้ล แตงโม สาลี่ ฯลฯ โดยผลไม้ที่เป็นทีเด็ดของหลานโจวนั้นก็คือ
แคนตาลูปพันธุ์ต่างๆ ที่ทั้งหอม ทั้งหวาน และชุ่มคอ
สำหรับคนตะวันตกเฉียงเหนือของจีนแล้ว ผลไม้เหล่านี้โดยเฉพาะผลไม้จำพวกเมลอน
(แตงโม แคนตาลูป) นอกจากจะเป็นอาหารรองท้องแล้ว ยังถือเป็นแหล่งน้ำที่สร้างความชุ่มชื่นให้เวลารับประทาน
โดยไม่ต้องดื่มน้ำอื่นๆ กลั้วปากตามอีกด้วย |
แม่น้ำเหลือง
หรือ แม่น้ำหวงเหอ มณฑลกานซู่ |
|
|
แม่น้ำหวงเหอ แม่น้ำเหลือง อนุสาวรีย์แม่น้ำเหลือง : มาตุธารแห่งประชาชาติจีน
สะพานแห่งแรกแม่น้ำเหลือง หรือ
สะพานเหล็กจงซาน หวงเหอตี้อิ๊เฉียว แปลว่า สะพานแห่งแรกแม่น้ำเหลือง
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำหวงเหอ แรกสร้างตั้งแต่ราชวงศ์หมิ
ปี ค.ศ. 1372 โดยซ่งกั๋วกง(เทียบตำแหน่งเจ้าพระยา) นามเฝิงเสิ้ง
อยู่ห่างจากตัวเมืองหลานโจวสมัยนั้น ไปทางทิศตะวันตก เป็นสะพานแบบพาดบนเรือที่ร้อยติดกันด้วยเชือกและโซ่
หรือสะพานแบบลอยน้ำนั่นเอง ต่อมาในปี ค.ศ. 1376 เว่ยกั๋วกง
นามเติ้งอวี้ ได้ย้ายตัวสะพานออกไปอีก กลายเป็นห่างจากตัวเมืองหลานโจวไปทางทิศตะวันตก
จึงตั้งชื่อสะพานว่า เจิ้นเหวี่ยนเฉียว
ครั้นถึงปี ค.ศ. 1385 แม่ทัพแห่งเมืองหลานโจวนามว่า
หยางเหลียน ได้ย้ายสะพานลอยน้ำ มาอยู่ในที่ตั้งสะพานปัจจุบัน
ซึ่งปัจจุบัน เวลานี้ ก็ยังเหลือเสาสะพานลอยน้ำเหล็กหล่อยาว
5.8 เมตร จำนวน 3 ต้น น้ำหนัก 10 ตันเป็นอนุสรณ์
ปี ค.ศ. 1907 รัฐบาลชิงในสมัยนั้น พร้อมกับความเห็นชอบของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ประจำท้องถิ่น
และความช่วยเหลือของพ่อค้าชาวเยอรมัน ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือทางเทคนิคจากเยอรมันและอเมริกา
รัฐบาลชิงได้ใช้งบประมาณเป็นเงินกว่าสามแสนตำลึง สร้างสะพานเหล็กเส้นแรกของแม่น้ำเหลืองหรือหวงเหอ
โดยสะพานมีความยาว 233.33 เมตร กว้าง 7.5 เมตร
ต่อมาในปี ค.ศ. 1942 เปลี่ยนชื่อสะพาน เป็นสะพาน จงซานเฉียว
เพื่อเป็นการระลึกถึ ง ดร.ซุนยัตเซ็น บิดาแห่งจีนใหม่
แพหนังแกะแห่งแม่น้ำหวงเหอ
การข้ามแม่น้ำนี้ในสมัยก่อน จะใช้หนังแกะทั้งตัวมาตัดหัวและเท้าออก
จากนั้นแล่เนื้อ กระดูกแลและโกนขนออกหมดแล้วมัดเท้าทั้ง
3 ข้าง คงเหลือไว้ 1 ข้าง เพื่อใช้เป่าลม จากนั้นผูกเชือกตรงบริเวณที่มีรูทุกแห่ง
เว้นขาหน้าไว้ที่เดียวเอาไว้เป่าลมเข้าไป เมื่อเป่าลมเข้าได้ที่แล้ว
หนังแกะจะพองเหมือบลูกบอลลูน แล้ว นำมายึดติดกับไม้ไผ่
โดยเว้นระยะห่างให้พอดีเพื่อทำเป็น แพหนังแกะ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
แพลูกบวบ
แพขนาดเล็กอาจต้องใช้หนังแกะราว 12-13 ตัว แต่ถ้าเป็นแพขนาดใหญ่ต้องใช้หนังแกะมากกว่าเป็นจำนวนเท่าตัว
ซึ่งนอกจากใช้ข้ามฟากแม่น้ำเหลืองแล้ว ในสมัยก่อน ยังใช้แพหนังแกะในการสัญจรตามแม่น้ำเหลืองอีกด้วย
ซึ่งการล่องแพหนังแกะสามารถไปได้วันหนึ่งถึง 200 กิโลเมตร
แต่ข้อเสียคือ แม่น้ำหวงเหอ หรือแม่น้ำเหลือง ไหลไปไม่ไหลกลับ
หากไปส่งผู้โดยสารไกลออกไปถึงสองร้อยกิโลเมตร เจ้าของแพอาจต้องใช้เวลาแรมเดือน
กว่าจะนำแพกลับสู่บ้านเดิมได้
อนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง หวงเหอหมู่ชิน มารดาแม่น้ำเหลือง
เป็นผลงานของศิลปินหญิงชาวจีน ชื่อ เหอเอ้อ ตั้งอยู่ช่วงกลางถนนปินเหอลู่
สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1986 ประติมากรรมนี้ สลักจากหินแกรนิต
มีความยาว 6 เมตร กว้าง 2.2 เมตร และสูง 2.6 เมตร มีน้ำหนักกวา
60 ตัน เป็นรูปสลักที่เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของชนชาวจีน
ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดรูปหนึ่ง
อนุสาวรีย์เป็นรูปนอนตะแคง ศอกดันศรีษะขันมองลูกน้อยที่นอนอิงแอบอยู่ข้างๆ
มารดาสายตาที่นางมองดูลูกน้อยนั้น เป็นแววตาที่ช่างอบอุ่นด้วยความรักเป็นที่สุดรูปปั้นนี้เปรียบเสมือนแม่น้ำหวงเหอ
เป็นมารดาที่หล่อเลี้ยงมวลประชาชาวจีนหลายร้อยล้านคนที่ประดุจดังหนึ่งเป็นบุตรน้อยของนางมายาวนานกว่า
4,000 ปี ต้นธารแห่งประวัติศาสตร์ชาติจีน ที่มีความผูกพันกับสายน้ำหวงเหออย่างลึกซึ้ง
มิแห่งแต่ปฐมกษัตริย์ในยุคตอนต้น ทรงเกรงต่ออิทธานุภาพของลำน้ำหวงเหอ
ในตอนกลางของมณฑลชิงไห่ ตาน้ำไหลเป็นสายธารน้อยๆลงสู่ทะเลซิงซู่ไห่
หรือทะเลประดับดาว อันเป็นบึงเล็กบึงน้อยนับร้อยแห่ง แล้วไหลลงสู่ทะเลสาบใหญ่
2 แห่ง ที่อยู่เรียง เคียงกันคือ เอ๋อหลิงหูและจาหลิงหู
ที่จุดกำเนิด ที่ชาวทิเบตเรียกขานหวงเหอว่า หม่าซิว
แปลงว่า แม่น้ำที่สวยที่สุดในโลก
แม่น้ำฮวงโห แม่น้ำเหลือง แม่ของลูกหลานชาวจีน
แม่น้ำหวง, หวงเหอ หรือ ฮวงโห
(Huang he) แปลว่า แม่น้ำเหลือง เป็นแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับสองของประเทศจีน
รองจากแม่น้ำแยงซี มีความยาว 5,464 กิโลเมตร สูงเหนือระดับน้ำทะเล
ถึง 4,500 เมตร พัดเอาตะกอนดินเหลือ หรือ เลิศ(Loess)
จากที่ราบสูงลงมามหาศาล ถึงปีละ 1,600 ล้านตัน จำทำให้อันเป็นที่มาของสมญานาม
แม่น้ำเหลือง ไหลจากฝั่งตะวันตกมาทางตะวันออก ผ่านมณฑล
ชิงไห่ เสฉวน กานซู หนิงเซี่ย มองโกเลียใน ซานซี เหอหนาน
และซานตง ออกสู่ทะเลโป๋ (โป๋ไห่) มณฑลซันตง ซึ่งเป็นทะเลในอ่าวทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน
แม่น้ำหวงเหอเป็นเสมือน แม่ ของลูกหลานชาวจีน ผู้ให้ชีวิต
ผู้สร้างจิตวิญญาณ สั่งสมอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของชาวจีน
เนื่องจากตอนกลางของสายน้ำไหลเข้าสู่เขตที่ราบสูงที่ เป็นดินเหลือง
ประกอบกับแม่น้ำสาขาหลายสายยังเต็มไปด้วยดินเลนและดินทรายจำนวนมาก
นับเป็นสายน้ำที่มีปริมาณของเลนและทรายจำนวนมากที่สุดในโลก
เฉลี่ย 37 กิโลกรัม / ลูกบาศก์เมตร จนมีคำกล่าวว่า 'น้ำ(จากแม่น้ำเหลือง)
1 ชาม เป็นเลนอยู่เสียครึ่งชาม' ด้วยพลังมหาศาลของมาตุธารผู้ยิ่งใหญ่
หวงเหอยังบันดาลที่ราบลุ่มกว้างขวางกว่า 7.5 แสนตารางกิโลเมตร
สำหรับทำการเกษตรเลี้ยงปากเลี้ยงท้องประชาชาติจึนหลายร้อยล้านคนใน
9 มณฑล จนมีคำกล่าวว่า ใครควบคุมหวงเหอ คนนั้นครอบครองจีน
แม่น้ำหวงเหอหรือแม่น้ำวิปโยค แต่ด้วยความเกรี้ยวกราดในบางเวลา
มาตุธารสายนี้จึงมีทั้งคุณอนันต์และโทษมหันต์ ในแต่ละปี
สายน้ำหวงเหอตอนกลางจะพัดพาโคลนเลนและทรายลงสู่สายน้ำตอนปลาย
คาดว่ามีปริมาณเลนและทรายสูงถึง 400 ล้านตัน/ปีใต้ก้นแม่น้ำเหลืองตอนล่าง
นานวันเข้าทำให้ลำน้ำตื้นเขิน น้ำเอ่อล้นตลิ่งและทลายเขื่อนกั้นน้ำจนเกิดอุทกภัยร้ายแรงหลายครั้ง
ซึ่งอุทกภัยที่ร้ายแรงที่สุดลุกลามไปถึงนครเทียนจินทางทิศเหนือ
ส่วนทางใต้น้ำเคยท่วมไปถึงมณฑลเจียงซูและอันฮุย รวมพื้นที่เสียหายกว้างขวางถึง
250,000 ตร.กม. ชาวจีนจึงเหมือนลูกที่ทั้งรักและกลัวแม่
แม่น้ำเหลืองกำเนิดขึ้นจากร่องน้ำสามสาย ได้แก่ ข่ายื่อชีว์
เยียว์กู่จงเลี่ยฉีว์ และจาชีว์ บริเวณเชิงเขาทางทิศเหนือของเทือกเขาปาเหยียนคาลาซัน
ณ ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 5,400 เมตร ที่ซึ่งล้อมรอบด้วยยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะตลอดทั้งปีทั่วทั้งสี่ทิศ
หวงเหอ ไหลไปไม่ไหลกลับ
หวงเหอช่วงต้นน้ำเป็นช่วงที่มีเส้นทางการไหลคดเคี้ยวมากที่สุด
เริ่มตั้งแต่บึงน้ำซิงซู่ไห่ ในมณฑลชิงไห่ ที่ซึ่งเป็นแหล่งรวมน้ำจากทะเลสาบเล็กๆจำนวนมาก
เมื่อไหลออกจากบึงน้ำซิงซู่ไห่ก็ไหลเข้าสู่ทะเลสาบเอ้อหลิงหู
และจาหลิงหู จนไหลเรื่อยมาถึงเมืองหม่าตัว อ้อมภูเขาจีสือซัน
และเทือกเขาซีชิงซัน มาทะลุผ่านหุบเขาหลงหยังเสีย และมาออกที่เมืองกุ้ยเต๋อของมณฑลชิงไห่
หลังจากนั้นไหลเข้าสู่ดินแดนอดีตมณฑลสุยหย่วน และกันซู่
น้ำในบริเวณต้นน้ำที่ไหลจากมณฑลชิงไห่ผ่านเข้ามาในมณฑลกันซู่บริเวณที่เป็นหุบเขาและหน้าผาจำนวนมากยังใสบริสุทธิ์และไม่เป็นสีเหลือง
ต่อเมื่อไหลเข้าสู่ช่วงตอนกลางของสายน้ำซึ่งเริ่มตั้งแต่ในเขตมองโกเลียในจนถึงมณฑลเหอหนัน
สายน้ำได้หักตัวไหลลงทิศใต้ทะยานเข้าสู่ ที่ราบสูงดินเหลือง
ผ่านที่ลาดชันและเพิ่มความแรงขึ้นจนตกจากหน้าผากลายเป็นน้ำตกหูโขว่
น้ำจึงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเพราะตะกอนดินทรายและเลนจากที่ราบสูงดังกล่าว
สายน้ำบริเวณตั้งแต่เมืองเมิ่งจิน ในมณฑลเหอหนันเรื่อยมาจนถึงมณฑลซันตงเป็นช่วงที่ไหลราบเรียบที่สุด
ไหลผ่านบริเวณที่เป็นโตรกผาซันเหมินเสียและที่ราบภาคเหนือของจีน
ที่หวงเหอช่วงปลายน้ำนี้เองเป็นจุดที่เธอจะกระโจนลงสู่ห้วงทะเลลึกที่บริเวณ
เกือบเหนือสุดของอ่าวไหลโจว ในมณฑลซันตง
อารยธรรมลุ่มแม่น้ำหวงเหอ อารยธรรมจีน
แม่น้ำเหลืองนับเป็นอู่อารยธรรมอันทรงคุณค่าแห่ง หนึ่งบนแผ่นดินใหญ่
มีหลักฐานการขุดพบซากฟอสซิลที่ระบุว่า มีมนุษย์วานรอายุ
5-6 แสนปีก่อนในยุคดึกดำบรรพ์อาศัยอยู่ เรียก มนุษย์วานรหลันเถียน
หรือ มนุษย์วานรที่เป็นบรรพบุรุษของชนชาติจีนที่อาศัยอยู่ในอำเภอหลันเถียนของมณฑลส่านซี
และเนื่องจากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำเหลืองเป็นแหล่งที่ดินดี
และอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่ธาตุสำคัญต่อพืชจึงเหมาะแก่การเพาะปลูก
กอปรกับสภาพอากาศอบอุ่นชุ่มชื้นเหมาะแก่การตั้งบ้านสร้างเมือง
ถิ่นนี้จึงเป็นแหล่งที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางประเพณีวัฒนธรรม
เช่น บริเวณสายน้ำตอนกลางและตอนปลายเป็นแหล่งกำเนิด 'วัฒนธรรมหยั่งเสา'
ที่มีอายุเก่าแก่ราว 3,000 - 5,000 ปี
ทั้งนี้ ตามหลักฐานที่มีการค้นพบซากโบราณสถานและเครื่องเคลือบสีโดยเฉพาะเครื่องเคลือบสีแดงซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
'วัฒนธรรมเครื่องเคลือบสี' กระจายอยู่ในอาณาบริเวณมณฑลเหอหนัน
ซันซี ส่านซี กันซู่ ชิงไห่ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีการขุดพบเครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำจากหินและกระดูกสัตว์อีกด้วย
ริมฝั่งแม่น้ำเหลืองยังเป็นแหล่งตั้งเมืองหลวงของราชวงศ์ต่างๆในประวัติศาสตร์จีน
เช่น นครอันหยัง นครฉางอัน(ซีอัน) นครลั่วหยัง เสียนหยัง
และไคเฟิง
อารยธรรมจีน ในบริเวณลุ่มแม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำเหลืองทางตอนเหนือของประเทศจีน
เป็นดินแดนที่มีการอาศัยอยู่รวมกัน และประกอบอาชีพเกษตรกรรมคือการเลี้ยงไหม
การทอผ้าไหม การทำภาชนะสำริด
|
อนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง
เมืองหลานโจว มณฑลกานซู่ |
|
|
อนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง |
อนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง |
อนุสาวรีย์มารดาแม่น้ำเหลือง |
สนามบินเมืองหลานโจว |
|
จีน ประเทศจีน ทัวร์จีน เที่ยวจีน ปักกิ่ง ทิเบต สิบสองปันนา จางเจียเจี้ย เซี่ยงไฮ้
รูปและสถานที่ท่องเที่ยวเส้นทางทิเบต
- ชิงไห่ - กานซู่ |
|
จีน ประเทศจีน ทัวร์จีน เที่ยวจีน ปักกิ่ง ทิเบต สิบสองปันนา จางเจียเจี้ย เซี่ยงไฮ้
สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศจีน
|
สิบสองปันนา
ตามหาคนไทพลัดถิ่นในแผ่นดินจีน สถานที่ท่องเที่ยวเมืองสิบสองปันนา
เชียงรุ้ง เมืองหล้า วัดหลวงเมืองลื้อ เมืองกหลั่นป้า |
ปักกิ่ง
สถานที่ท่องเที่ยวปักกิ่ง วัดลามะหย่งเหอกง พระราชวังต้องห้ามกู้กง
จัตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังฤดูร้อน กำแพงเมืองจีน หอฟ้าเทียนถาน |
คุนหมิง
เมืองหลวงและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน เป็นเมืองที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี
จนได้สมญานามว่า นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ |
เซี่ยงไฮ้
มหานครที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจีน ตั้งอยู่บริเวณปากแม่น้ำแยงซีเกียง
สถานที่ท่องเที่ยวเซี่ยงไฮ้ หังโจว ซูโจว อู๋ซี |
ทิเบต
สถานที่ท่องเที่ยวทิเบต พระราชวังโปตาลา วัดโจคัง วัดเซร่า ตลาดแปดเหลี่ยม
รถไฟสายหลังคาโลกและสถานที่ท่องเที่ยวทิเบตมากมาย |
จางเจียเจี้ย
สถานที่ท่องเที่ยวจางเจียเจี้ย ภูเขาเทียนจื่อซาน ภูเขาเทียนเหมินซาน
เมืองโบราณฟงหวงและสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆมากมาย |
ฉงชิ่ง
เส้นทางสายมรดกโลก มหานครครแห่งสาวงาม ด้วยอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี
ทำให้สาวๆเมืองฉงชิ่งมีผิวขาวสวยงาม การแต่งตัวก็ทันสมัย |
ฮาร์บิ้น
มณฑลเฮยหลงเจียง ฮาร์บิ้นมีสมญานามว่า "ไข่มุกบนคอหงส์"
เป็นสถานที่จัดงาน เทศกาลแกะสลักน้ำแข็งนานาชาติของประเทศจีน |
อู่ฮั่น
เที่ยวอู่ฮั่น แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย
หอนกกระเรียนเหลือง ล่องแม่น้ำแยงซีเกียง ภูเขาบู๊ตึ๊ง บ้านขงเบ้ง |
จิ่วจ้ายโกว
อุทยานธารสวรรค์ มรดกโลกทางธรรมชาติ ตั้งอยู่ในบริเวณอำเภอจิ่วจ้ายโกว
จังหวัดอาป้า อยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 330 กิโลเมตร
|
ซีอาน
สุสานจิ๋นซี เมืองลั่วหยาง "ถ้าอยากเห็นปัจจุบันของจีนต้องไปปักกิ่ง
ดูอนาคตของจีนต้องไปเซี่ยงไฮ้ และถ้าอยากเห็นอดีตของจีนต้องไปซีอาน" |
คานาสือ
หรืออุทยานคานาส เป็นดินแดนท่ามกลางการโอบล้อมของเทือกเขาอัลไต โดยอยู่บริเวณตอนเหนือสุดของเขตปกครองตนเองซินเจียง
|
กุ้ยหลิน
สถานที่ท่องเที่ยวเมืองกุ้ยหลิน ล่องแม่น้ำหลีเจียง เขางวงช้าง เมืองลับแล
ถ้ำขลุ่ยอ้อ เมืองหยางซั่ว เขาเหยาซานและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย |
ซัวเถา
เที่ยวซัวเถา แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเมืองซัวเถา แต้จิ๋ว
หย่งติ้ง เซี่ยะเหมิน เส้นทางไหว้เจ้า ศาลเจ้าพ่อเสือ ศาลไต่ฮงกง ศาลเจ้าแม่ทับทิม |
เสิ่นหนงเจี้ย
มรดกโลกทางธรรมชาติ เป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า ตั้งอยู่ในมณฑลหูเป่ย
มีพรรณไม้ในยุคจูราสิคและยุคน้ำแข็ง |
|
|
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมประเทศจีน |
|
ทัวร์โปรโมชั่น
โปรแกรมทัวร์อื่นๆ - เช็คที่นั่ง |
|
โปรแกรมจอยทัวร์ |
|
XIN879-CZ : เส้นทางสายไหม หลานโจว ภูเขาสายรุ้ง จางเย่ ด่านเจียยี่กวน ถ้ำตุนหวง สระน้ำวงพระจันทร์ ถ้ำโมเกาคู ทูรูฟาน ภูเขาหิมะเทียนซาน อูรูมูฉี (CZ)
ชมความมหัศจรรย์ของ ภูเขาสายรุ้ง Rainbow Mountain กับธรรมชาติที่สรรค์สร้าง
ชม ถ้ำตุนหวง ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ขี่อูฐกลางทะเลทราย
เที่ยวชม ภูเขาหิมะเขาเทียนซาน สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของซินเจียง (มรดกโลก)
ไม่ลงร้านช้อป - อาหารดี - โรงแรม 5 ดาว บิน CHINA SOUTHERN AIRLINE นั่งสบาย
วันที่ 2 9 เมษายน, 9 16 เมษายน, 30 เมษายน 7 พฤษภาคม, 9 16 พฤษภาคม, 21 28 พฤษภาคม 2568 |
|
UQ-879 : เส้นทางสายไหม ภูเขาสายรุ้ง ถ้ำตุนหวง สกีหิมะ Silk Road ลั่วหยาง หลานโจว จางเย่ ด่านเจียยี่กวน ตุนหวง สระน้ำวงพระจันทร์ ถ้ำโมเกาคู อูรูมูฉี (UQ)
เที่ยวชม เมืองลั่วหยาง หนึ่งในสี่เมืองหลวงเก่าที่ยิ่งใหญ่ของหลายราชวงศ์จีน
ชมความมหัศจรรย์ของ ภูเขาสายรุ้ง Rainbow Mountain กับธรรมชาติที่สรรค์สร้าง
ชม ถ้ำตุนหวง ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ขี่อูฐกลางทะเลทราย
สนุกสนานกับ สกีหิมะ Silk Road เขาเทียนซาน ลานสกีที่โด่งดังของเมืองอูรูมูฉี
อาหารดี - โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว บิน Urumqi Air (UQ) 3 ไฟลท์ เที่ยวแบบไม่เหนื่อย
วันที่ 14 - 21 มีนาคม 2568 : ราคา 59,995.-บาท |
|
CGO651-DD : ซีอาน เทศกาลดอกโบตั๋นบาน ลั่วหยาง สุสานทหารดินเผาจิ๋นซี ถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี อุทยานหยุนไถ่ซาน ถ้ำหลงเหมิน เจดีย์ห่านป่าใหญ่ โชว์เส้นทางสายไหม (DD)
ชม ดอกโบตั๋นบาน เทศกาลดอกโบตั๋นบานเมืองลั่วหยางที่สวยงามที่สุดในประเทศจีน
ชม สุสานทหารดินเผาจิ๋นซี อันยิ่งใหญ่ และชม ถ้ำผาหลงเหมิน ผาหินแกะสลักมรดกโลก
ชม ถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี คล้ายคริสตัลและชม อุทยานหยุนไถซาน อุทยานสวรรค์ที่สวยงามที่สุด
ชม โชว์เส้นทางสายไหม โชว์ที่สวยที่สุดของซีอานที่บอกเล่าเรื่องราวเส้นทางการค้าโบราณ
อาหารดี - โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว นั่งรถไฟความเร็วสูง (ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ)
วันที่ 12 - 17 เมษายน 2568 |
|
TG-651 : คุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่า วัดซงจ้านหลิง ภูเขาหิมะมังกรหยก สวนดอกไม้ฮอบบิท เมืองโบราณลี่เจียง (TG)
นั่งรถไฟความเร็วสูง คุนหมิง-แชงกรีล่า เที่ยวสวนดอกไม้ฮอบบิท
นั่งกระเช้าใหญ่ขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก
อาหารดี - โรงแรม 5 ดาว บินการบินไทย - ไม่ลงร้านช้อป
วันที่ 11 - 16 กุมภาพันธ์, 11 - 16 เมษายน, 12 - 17 เมษายน 2568 |
|
FD659-CSX : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่ หมู่บ้านโบราณหวงหลิง ล่องเรือชมแสงสีอู้วนี่โจว ภูเขาหลิงซาน ไหว้พระใหญ่ตงหลิน เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น พิพิธภัณฑ์เซรามิค (FD)
เที่ยว หมู่บ้านโบราณหวงหลิง นับเป็นหมู่บ้านสวยที่สุดในเมืองอู้หยวน มณฑลเจียงซี
พักใน หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่ ถ่ายรูปสวยๆแสงสีแสงไฟยามค่ำคืน
นำท่าน ล่องเรือ ชมแสงสียามค่ำคืนอู้วี่โจว พร้อมชมแลนด์มาร์คแห่งใหม่
อาหารดี - โรงแรมระดับ 5 ดาว ไม่ลงร้านช้อป - ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ
วันที่ 11 - 16 กุมภาพันธ์, 18 - 23 มีนาคม, 22 - 27 เมษายน 2568 |
|
PU-541 : ภูฏาน พาโร ทิมพู ปูนาคา วัดทักซัง พาโรซอง ทิมพูซอง ปูนาคาซอง ซิมโทกาซอง คิชูลาคัง สวนสัตว์ภูฏาน (KB)
เที่ยวครบ 3 เมืองหลัก เมืองพาโร เมืองทิมพู เมืองปูนาคา
อาหารดี - โรงแรมที่พักมาตรฐานรัฐบาล
วันที่ 29 ธันวาคม - 2 มกราคม 2568 |
|
INDIA877 : อินเดีย เนปาล พุทธคยา ราชคฤห์ กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี ล่องเรือ สารนาท พารานสี (TG)
เที่ยวครบ 4 สังเวชนียสถาน พุทธคยา กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี พาราณสี
ชม ล่องเรือแม่น้ำคงคา เที่ยวชม วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
พักโรงแรม 4 ดาว - มีอาหารไทย - มีพระวิทยากร - บินการบินไทย
วันที่ 9 - 16 กุมภาพันธ์ 2568
|
|
|
|
Pune636-6E : ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า เมืองออรังกาบัด ชมถ้ำพุทธศิลป์อินเดีย ขอพรพระพิฆเนศ เมืองปูเน่ (6E)
เที่ยว 2 ถ้ำพุทธศิลป์ ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า
ไหว้พระพิฆเนศ เมืองปูเน่
พักโรงแรม 4 ดาว - อาหารดี - บินตรงเมืองปูเน่
วันที่ 12 17 กุมภาพันธ์, 2 7 เมษายน 2568 : ราคา 34,995.-บาท |
|
Pune635-6E : ไหว้พระพิฆเนศ 9 วัด เมืองปูเน่ เมืองต้นกำเนิดพระพิฆเนศ (6E)
เที่ยว 2 ถ้ำพุทธศิลป์ ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า
ไหว้พระพิฆเนศ เมืองปูเน่
พักโรงแรม 4 ดาว - อาหารดี - บินตรงเมืองปูเน่
วันที่ 15 20 มกราคม, 12 17 กุมภาพันธ์, 2 7 เมษายน 2568 : ราคา 37,995.-บาท |
|
DEL864-AI : แคชเมียร์ ดอกทิวลิปบาน ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ด ศรีนาคา พาฮาลแกม Aru Valley สวนชาลิมาร์ กุลมาร์ค โซนามาร์ค ล่องทะเลสาบดาล (AI)
เที่ยวชม ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชม อัคราฟอร์ท Agra Fort พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์โมกุล
เที่ยวครบ 4 สถานที่หลัก พาฮาลแกรม, กุลมาร์ค, โซนามาร์ค และ เมืองศรีนาคา
ชม เทศกาลดอกทิวลิปบาน ปีละครั้ง (เฉพาะเดือนเมษายน)
อาหารดี - โรงแรมดีระดับ 4-5 ดาว 6 คืน / เดินทางสะดวกสบายโดย Air India (Full-Service)
วันที่ 6 - 13 เม.ย., 12 - 19 เม.ย., 13 - 20 เมษายน 2568 : ราคา 56,995.-บาท |
|
DEL189-AI : แคชเมียร์ ดอกทิวลิปบาน ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ด ชัยปุระ นครสีชมพู ศรีนาคา พาฮาลแกม Aru Valley สวนชาลิมาร์ กุลมาร์ค โซนามาร์ค ล่องทะเลสาบดาล (AI)
เที่ยวชม ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชม อัคราฟอร์ท Agra Fort พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์โมกุล
ชม เมืองชัยปุระ นครสีชมพู เมืองแห่งอารยธรรมราชบุตร
เที่ยวครบ 4 สถานที่หลัก พาฮาลแกรม, กุลมาร์ค, โซนามาร์ค และ เมืองศรีนาคา
ชม เทศกาลดอกทิวลิปบาน ปีละครั้ง (เฉพาะเดือนเมษายน)
วันที่ 6 - 15 เมษายน 2568 : ราคา 66,995.-บาท |
|
|
สอบถามทัวร์เพิ่มเติม
ID Line Office : @oceansmiletour
คุณเล็ก โทร.082-3656241 ID Line : lekocean2
คุณโจ้ โทร.093-6468915 ID Line : oceansmile
รับทำกรุ๊ปเหมา เที่ยวส่วนตัว ดูงาน
ประเทศจีน (ทุกเมือง) อินเดีย (ทุกเมือง)
เนปาล ภูฏาน บาหลี ศรีลังกา ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า |
|
| |
|