สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ : ตามรอยเส้นทางสายไหมที่ "เมืองตุนหวง" เมืองตุนหวงตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลกานซู ทางภาคตะวันตกของจีน เป็นเมืองวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของจีน ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญจากจีนไปยังเขตซีอวี้ เอเชียกลางและยุโรป และเคยเป็นชุมทางการค้าที่เจริญรุ่งเรืองในอดีต ตุนหวง ในฐานะเป็นมรดกวัฒนธรรมที่ล้ำค่าแห่งหนึ่งในโลกของจีน ไม่เพียงแต่เป็นจุดแวะพักสำคัญแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายไหม ยังเป็นแหล่งบรรจบที่มีความสำคัญของอารยธรรมจีนกับอารยธรรมตะวันตก ตุนหวงลือชื่อในด้านถ้ำหินตุนหวงกับงานจิตรกรรมผนังถ้ำตุนหวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของมรดกโลก เช่น ถ้ำมั่วเกาคู ด่านอวี้เหมินกวน และด่านหยังกวนของกำแพงเมืองจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น ศิลปวัฒนธรรมตุนหวงหรืออีกนัยหนึ่งศิลปวัฒนธรรมมั่วเกาคู ได้ชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งโลกบูรพา ณ ที่นั้นได้มีการรักษาถ้ำที่สร้างในศตวรรษที่ 4-10 รวม 735 แห่งไว้อย่างดี นอกจากนั้นเมืองตุนหวงยังเป็นคลังทรัพย์สมบัติด้านเอกสารอีก ด้วย มีเอกสารหลายภาษาซึ่งครอบคลุมถึงบริบทในด้านต่างๆ อาทิ การเมือง เศรษฐกิจ การทหาร ปรัชญา วรรณคดี ชนเผ่า ประเพณีพื้นเมือง ภาษา ประวัติศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเป็นต้น
ถ้ำโม่เกาเมืองตุนหวง ถ้ำโม่เกาในเมืองตุนหวงทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนนับว่า เป็นคลังศิลปะทางพุทธศาสนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและได้รับการอนุรักษ์ดีที่สุด ของโลกในปัจจุบัน ถ้ำโม่เกาได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1987 คณะกรรมการมรดกโลกประเมินว่า ถ้ำโม่เกามีชื่อดังในโลก ด้วยรูปปั้นและภาพเขียนฝาผนัง แสดงถึงศิลปะทางพุทธศาสนาที่ต่อเนื่องกันมาเป็น เวลาพันปี ในเขต ชานเมืองตุนหวงมณฑลกันซู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนมีภูเขาลูกหนึ่งชื่อ ภูเขาหมิงซา บนผาด้านตะวันออกที่มีระยะทางยาวประมาณ 2 กิโลเมตรของภูเขาลูกนี้ มีถ้ำจำนวนนับไม่ ถ้วนเรียงรายกันอยู่ 5 ชั้น ซึ่งก็คือถ้ำโม่เกาเมืองตุนหวงที่มีชื่อเสียงดังในโลก ถ้ำโม่เกาเริ่มสร้างตั้งแต่ค.ศ.366 มีการบูรณะซ่อมแซมและขยายการก่อสร้างทุกยุคทุกสมัย จนถึงสมัยราชวงศ์ถัง ก็มีถ้ำกว่า 1000 ถ้ำแล้ว ฉะนั้น ถ้ำโม่เกามีอีกชื่อหนึ่งว่า ถ้ำเชียนโฝ หรือแปลว่า ถ้ำพระพุทธรูปพันองค์ ภายใน ถ้ำได้สร้างพระพุทธรูปและภาพเขียนฝาผนังจำนวนมาก เนื่องจากถ้ำโม่เกาตั้งอยู่บนเส้นทางสาย ไหมที่เชื่อมตะวันออกกับตะวันตกเข้าด้วยกัน จึงได้รับผลกระทบกระเทือนจากศาสนา วัฒนธรรมและความรู้ทั้งฝ่ายตะวันออกและฝ่ายตะวันตก ความนิยมทางศิลปะอันหลากหลายทำให้ถ้ำ โม่เกากลายเป็นคลังศิลปะอันรุ่งโรจน์ จนถึงปัจจุบัน ถ้ำโม่เกายังเหลืออยู่ประมาณ 500 ถ้ำ ภาพเขียนฝาผนังประมาณ 50,000 ตารางเมตรและ รูปแกะสลักและรูปปั้นกว่า 2,000 รูป ภาพเขียนฝาผนังเหล่านี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเรื่องต่าง ๆ ทางพุทธศาสนา เช่น พระพุทธรูป พระสังขจาย เทวดา นิยายพุทธศาสนาในอินเดีย จีนและเอเซียกลาง เป็นต้น นอกจากนี้ ภาพเขียนฝาผนังเหล่านี้ยังได้แสดงให้เห็นถึงชีวิตทางสังคม เสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องแต่งกาย รูปแบบ การก่อสร้าง ดนตรีระบำ กายกรรมและสิ่งอื่น ๆ ของชนชาติและชั้นชนต่าง ๆ ในสมัยโบราณ ฉะนั้น นักวิชาการตะวันตกจึงถือว่า ถ้ำตุนหวงเป็นหอสมุดบนฝาผนัง โบราณวัตถุในถ้ำโม่เกาเคยประสบการทำลายและความเสียหายอย่างร้ายแรงที่สุดและน่าเสียใจที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใกล้ของจีน เมื่อปี 1900 ผู้คนได้พบถ้ำลับ ๆ ถ้ำหนึ่งโดยบังเอิญ ถ้ำนี้ยาว 3 เมตร กว้าง 3 เมตร ข้างในเต็มไปด้วยคัมภีร์ หนังสือ เอกสาร ภาพวาดภาพปัก ภาพหรือหนังสือที่พิมพ์จากแผ่น ศิลาจารึกจำนวนประมาณกว่า 50,000 ชิ้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับด้านต่าง ๆ ทางสังคมเกือบทุกด้าน เช่น ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ การเมือง ชนชาติ การทหาร ภาษา ตัวหนังสือ ศิลปะวรรณคดี ศาสนา วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี่และแพทยศาสตร์เป็นต้น ทั้งของจีนและของเอเซียกลาง เอเซียใต้และยุโรปตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ถึงศตวรรษที่ 11 จึงถือกันว่า เป็นหนังสือสารานุกรมยุคกลางและยุคโบราณ หลังจากได้พบถ้ำนี้แล้ว นักผจญภัยจากประเทศต่าง ๆ ก็ทยอยกันเดินทางไปถึง ในช่วงเวลาไม่ถึง 20 ปี โบราณวัตถุในเมืองตุนหวงที่มีประมาณ 40000 ชิ้นถูกขโมยไป ซึ่งได้นำความเสียหายอย่างร้ายแรงถึงถ้ำโม่เกา เวลานี้ ที่อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย อินเดีย เยอรมัน เดนมาร์ก สวีเดน เกาหลีใต้ ฟินแลนด์ สหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ต่างก็มีโบราณวัตถุในเมืองตุนหวงเก็บสะสมไว้ รวม ๆ แล้ว เป็น 2 ใน 3 ของโบราณวัตถุในเมืองตุนหวงทั้งหมด
Hotline 0-936468915, 0-823656241 ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028