ดัชนีชี้วัดความสุขของชาวภูฏาน ความสุขมวลรวมประชาชาติภูฏาน
"Gross National Happiness is more important than
Gross National Product"
แปล ว่า ความสุขมวลรวมประชาชาติ สำคัญกว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ
(Jigme Singye Wangchuck , King of Bhutan, 1972)
คำตรัสของกษัตริย์แห่งประเทศเล็กๆ
อย่างประเทศภูฏาน ที่อยู่ในหลืบของหิมาลัย กลายเป็นหัวข้อที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
เพราะการใช้ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจเพื่อบ่งชี้ความเจริญก้าวหน้าหรือความอยู่ดีกินดีของคนนั้นมีปัญหาของมันอยู่ในตัวเอง |
ปัจจุบันภูฏานมีประชากรราว
2.2 ล้านคน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และ 90% ทำงานในภาคเกษตรกรรม
ซึ่งหากจะวัดดัชนีความร่ำรวยจาก GDP หรือ GNP แล้ว ภูฏานจัดอยู่ในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกเป็นลำดับที่
191 จากจำนวน 226 ประเทศ แต่ชาวภูฏานทุกคนจะมีที่ดินทำกินที่รัฐบาลจัดสรรให้
10 ไร่ ภายใต้การปกครองที่มุ่งการพัฒนาให้ประชาชนมีความสุขมากกว่าอย่างอื่น
ตัวอย่างหนึ่งของปรัชญา GNH
ก็คือ นโยบายจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามาในภูฏานในแต่ละปี
แม้ภูฏานจะมีรายได้หลักจากการท่องเที่ยวแต่ก็ระมัดระวังในการเปิดประตูรับ
ผู้คนและไม่ยอมแปรประเทศให้เป็นทุนเหมือนประเทศอื่นที่มุ่งเน้นการขาย
วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเพื่อแลกกับเงินตราต่างประเทศอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ภูฏานยังเน้นการรักษาป่าไม้ไว้ได้ถึงร้อยละ 66 และเก็บภาษีท่องเที่ยวต่อหัวถึงวันละ
200 เหรียญสหรัฐ เพื่อจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวไม่ให้เกินปีละ
8,000 คน ดังนั้นการเดินทางไปท่องเที่ยวภูฏานจึงมีค่าใช้จ่ายสูง
แต่ก็คุ้มค่าเมื่อแลกกับสภาพธรรมชาติและวัฒนธรรมที่ยังได้รับการดูแลรักษา
ไว้อย่างดี
นโยบายการปลูกป่าทดแทนอย่างเคร่งครัดเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ทำให้ภูฏานยังมีพื้นที่ป่ามากกว่าร้อยละ 70 ของประเทศ ,
นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
และยังคงมีหลักเกณฑ์และมาตรฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเข้ามาลงทุนของนักธุรกิจจากต่างประเทศ
เพื่อรักษาแนวทางการพัฒนาของประเทศภูฏาน โดยยึดหลักความสุขมวลรวมประชาชาติไว้
แต่ GNH ของภูฏานก็ยังมีปัญหาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
เนื่องจากทางรัฐบาลภูฏานเองก็ยังมิได้มีการพัฒนาดัชนีชี้วัดความสุข
หรือกำหนดองค์ประกอบของความสุขมวลรวมประชาชาติหรือความสุขของปัจเจกบุคคลและไม่มีการพัฒนาตัวชี้วัดทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ
และวิธีการรวบรวมคำนวณวัดออกมาอย่างลงตัว
การดำเนินนโยบายตามแนวทางเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติของรัฐบาลภูฏานในทุกวันนี้นั้น
เป็นไปในรูปแบบของการพัฒนาประเทศโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
วิถีชีวิต และวัฒนธรรมประเพณีของคนในท้องถิ่น รวมทั้งพยายามปลูกฝังคุณค่าของแนวคิดเรื่องความสุขมวลรวมประชาชาติให้แก่ประชาชนรุ่นใหม่โดยผ่านทางระบบการศึกษาและสื่อแห่งชาติ
โดยสอดคล้องกับคำสอนของศาสนาพุทธที่ว่า ความสุขที่แท้จริงมิได้เกิดจากการบริโภควัตถุ
แต่เกิดจากสภาวะทางจิต และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นเพียงปัจจัยสนับสนุนให้มนุษย์มีชีวิตที่ดีงาม |