บริษัททัวร์ โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์







 
• ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศภูฎาน
• บุมทัง (Bumthang) จุดกำเนิดพุทธศาสนาในภูฏาน
• เมืองบุมทัง (Bumthang) จุดกำเนิดพุทธศาสนาในภูฏาน
• บุมทัง แปลว่า ที่ราบรูปบุมปา (คือแจกันใส่น้ำรูปไข่มีผิวมันวาว) และนัยแห่งศาสนาที่แฝงอยู่ในชื่อนับว่าเหมาะกับภูมิภาคนี้อย่างยิ่ง ซึงแม้บุมทังจะมีพื้นที่ไม่มากนัก แต่บุมทังก็มีวัดสำคัญอยุ่มากกว่าที่อื่นในภูฏาน ปัจจุบันมีฐานเป็นเขตปกครองโดยมีศูนย์กลางการบริหารปกครองอยู่ที่จาการ์
• บุมทัง ประกอบด้วยหุบเขา 4 แห่ง ได้แก่ ซูเมะ โชโกร์ ตัง และอูรา ซึ่งตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลระหว่าง 2,600-4,000 เมตร โดยที่หุบเขาตังกับอูราเป็นเขตเลี้ยงปศุสัตว์ ในขณะที่หุบเขาโชโกร์กับชูเมะเป็นพื้นที่กสิกรรม หุบเขาทั้งสี่ของบุมทังเป็นหุบเขากว้างและเปิดโล่ง บุมทังจึงเป็นภูมิภาคที่เหมาะจะมาเดินเท้าท่องชมธรรมชาติแบบสบายๆ ไม่สมบุกสมบันมากนัก เพราะพื้นที่ค่อนข้างราบ ทั้งยังมีหมู่บ้านเล็กๆ ให้แวะเข้าไปเรียนรู้วิถีชีวิตแบบชนบทอยู่ทกหนทุกแห่ง
• ในอดีต เขตบุมทัง มีฐานะยากจนมาก จนกระทั่งถนนสาย “East-West” สร้างเสร็จ ต่างชาติจึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วยพัฒนา เช่น รัฐบาลอินเดียมาสร้างเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ รัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์มาสร้างโรงพยาบาลแผนใหม่ และมาจัดฟาร์มตัวอย่างเพื่อถ่ายทอดวิชาแก่เกษตรกร ซึ่งกินพื้นที่กว้างขวาง สอนปลูกผลไม้ไว้ทำไวน์ ตลอดจนทำเนยแข็งด้วยวิธีดั้งเดิมตามตำรับสวิส
• ด้วยโครงการต่างๆ ของชาวต่างชาติ ทำให้เศรษฐกิจในเขตบุมทังดีขึ้นเรื่อยๆ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อมาถึง มักแวะเยี่ยมชม “Swiss Farm” แห่งนี้ ซึ่งมีไวน์ เนย และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากตำรับสวิสเซอร์แลนด์
• เมืองบุมทัง ตั้งอยู่ในภูฏานตอนกลาง มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ นักท่องเที่ยวที่ชอบภูเขา ชอบปีนเขาและชอบเดินป่าจะไปเมืองบุมทัง เพราะที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นการเดินเขาที่มีเส้นทางไม่ยากลำบากมากนัก และมีให้เลือกหลายเส้นทาง เสน่ห์ของบุมทังอีกอย่างหนึ่งก็คือ ดินแดนแห่งนี้ในภูฏานมีวัดเล็กๆ หลายวัด ตั้งอยู่ในที่สันโดษกระจายกันอยู่ทั่วไป เช่น โบสถ์บุลี วัดทาร์พาลิง วัดโชดราค์ และวัดพราหากับวัดจาร์คาที่อยู่กลางเมืองจาร์คา
• ในรัชสมัยของพระเจ้าซองเซนกัมโป ทรงโปรดให้สร้างวัดในเมืองบุมทังทั้งหมด 108 แห่ง เพื่อ “ตอก” อวัยวะ 108 จุดของยักษีชั่วร้ายตนหนึ่ง ซึ่งนอนตีแผ่ทั่วเทือกเขาหิมาลัย เพื่อขวางกั้นไม่ให้พุทธศาสนาได้เปล่งรัศมีในบริเวณดังกล่าว พระเจ้าซองเซนกัมโป จึงทรงริเริ่มสร้างวัดที่วัดโจคังในกรุงลาซา เป็นแห่งแรกเมื่อปี ค.ศ. 638 ซึ่งเชื่อว่าตรงจุดนี้เป็นหัวใจของยักษี สำหรับในดินแดนภูฏานปัจจุบัน
• ต่อมา พระเจ้าซองเซนกัมโป ทรงโปรดให้สร้างวัด 2 แห่งพร้อมๆ กัน อันได้แก่ วัดคิชูในปาโร และวัดจัมปาในบุมทัง ซึ่งตั้งอยู่บนเท้าซ้ายและเข่าซ้ายของยักษ์ ตามลำดับ เชื่อว่า เป็นการสยบความชั่วร้ายและฤทธิ์เดชของยักษ์ได้
กูรู รินโปเซ
• ตามตำนานของภูฏานว่า คุรุ รินโปเซ เสด็จมายังดินแดนภูฏานปัจจุบันเมื่อกลางคริสต์ศตวรรษที่ 8 ซึ่งขณะนั้นแบ่งแยกออกเป็น แคว้นเล็กแคว้นน้อย และหนึ่งในนั้นคือ บุมทัง มีสินธุราชา (Sindhu Raja) เป็นประมุข ทรงทำศึกกับพระเจ้านวเวช (Nawuche เป็นผู้นำของแคว้นหนึ่งทางใต้) ผลปรากฎว่าพระโอรสวัย 20 ชันษาของพระเจ้าสินธุสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงเสียพระทัยถึงกับโทษเทพยดาว่าไม่คุ้มครอบพระโอรส พาลประกาศให้ชาวโลกประชาเลิกพิธีบวงสรวงทั้งปวง สร้างความโกรธเคืองแก่เทพผู้พิทักษ์เมือง (Shelging Karpo) เป็นอันมาก เทพผู้พิทักษ์เมืองจึงเอาหัวใจของพระเจ้าสินธุไปก่อน ทำให้พระองค์ประชวรหนัก เหล่าข้าราชการบริพารจึงพยายามเสาะหาผู้มีความสามารถมารักษา ซึ่งจากการแนะนำของกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่อยู่เขตแคว้นใกล้เคียงจึงได้นิมนต์คุรุ รินโปเซ ซึ่งขณะนั้นประทับในเนปาลมายังบุมทัง (ตำแหน่งที่เป็นพระราชวังของพระเจ้าสินธุได้กลายเป็นที่ตั้งของวัดซาคาร์ (Chakhar Lhakhang ในปัจจุบัน)
• สิ่งแรกและสิ่งเดียวที่ท่านขอคือชายา ซึ่งพระเจ้าสินธุได้ประทานพระธิดาเจ้าหญิง Lhaching Bumden Tshomo ให้แก่ กูรู รินโปเช (ลัทธิลามะนี้ได้รับความเชื่อเรื่องพลังแห่งคู่ จากลัทธิต้นตระกูลของฮินดู คือเทพทุกองค์ต้องมี “ศักติ” (Sakti) หรือ ชายา เพื่อเสริมสร้างอำนาจบารมีของเทพผู้เป็นสามี
• ทั้งสองได้ไปกระทำวิปัสสนากรรมฐานด้วยกันที่ถ้ำแห่งหนึ่งเป็นเวลา 21 วัน ก่อนที่จะเอาหัวใจคืน ซึ่งวิธีการนั้นค่อนข้างพิสดาร ว่ากันว่า กูรู รินโปเช ได้เสกเป่าให้ชายาแบ่งออกเป็นเจ้าหญิง 5 องค์ ที่มีรูปร่างหน้าตาพิมพ์เดียวกัน และแต่ละองค์ถือคนโททองคำบรรจุน้ำมนต์ ซึ่งเมื่อต้องแสงอาทิตย์จะเกิดแสงสะท้อนวูบวาบแพรวพราว เพื่อหลอกล่อให้แทพผู้พิทักษ์เมืองออกมาปรากฎตัว
• ขณะเดียวกัน คุรุ รินโปเซได้แบ่งภาคตัวเองออกเป็นอีก 8 รูปกาย พากันเต้นรำสนุกสนานครื้นเครงเพื่อให้เหยื่อตายใจ ด้วยว่าแสงสะท้อนที่ว่าเป็นของแปลกใหม่สำหรับเทพดังกล่าวเลยออกมาดูให้เต็มตา และเพื่อความไม่ประมาทจึงแปลงร่างเป็นสิงโต ฝ่ายกูรู รินโปเช กำลังรอจังหวะนี้อยู่เลยแปลงร่างเป็นครุฑ โฉบเข้างับที่ต้นคอสิงโตในฉับพลัน บังคับให้คืนหัวใจแก่พระเจ้าสินธุได้สำเร็จ อีกทั้งให้สาบานจะปฏิบัติตนเป็นเทพผู้พิทักษ์เมืองที่ดีต่อไป (ชาวบุมธังทุกวันนี้ยังคงเคารพบูชา Shelging Karpo ในฐานะเทพผู้พิทักษ์เมือง) จากนั้นท่านคุรุรินโปเซจึงปักไม้เท้าลงกับพื้นดิน ไม้เท้านั้นก็งอกขึ้นเป็นสนไซเปรสต้นใหญ่ ว่ากันว่าสนที่ยืนต้นอยู่หน้าอารามกูร์เจในปัจจุบันก็เป็นหน่อของสนต้นที่งอกขึ้นจากไม้เท้าของคุรุรินโปเซนี่เอง
• เชลกิงการ์โปยังคงรักษาฐานะเทพแห่งกูร์เจเอาไว้ได้ พระเจ้าเสนธะก็หายจากอาการประชวร และทรงยอมรับนับถือพุทธศาสนา คุรุรินโปเซทรงบังคับกษัตริย์ทั้งสองให้เสด็จมาพบและทำสัญญาสันติภาพกันที่นับจิในเขตเทือกเขาดำ (ปัจจุบันมีหลักศิลาตั้งไว้เป็นอนุสรณ์) จึงถือได้ว่าบุมทังรับพุทธศาสนาเข้ามาเป็นครั้งแรกในช่วงนี้
• การแสดงอภินิหารแบ่งภาคเป็นอีก 8 รูปแบบของคุรุ รินโปเชในครั้งนี้ ได้กลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในภายหลัง ซึ่งปรากฎตามจิตรกรรมบนฝาผนังของศาสนสถานต่างๆ แม้กระทั่งเอามาแสดงในเทศกาลประจำปี “Tshechu Festival” ของซองประจำเขตในระบำชุด “Dance of The Eight Manifestations of Guru Rinpoche”
• ภายหลัง บุมทังยังเป็นที่พำนักชั่วคราวของบรรดาเกจิอาจารย์ในนิกายญิงมาปะ จากทิเบตหลายท่าน อาทิ ลงเซ็น รับจัม (ปีค.ศ.1308-1363) และโดร์จี ลิงปะ (ปีค.ศ.1346-1405) แต่ท่านที่มีชื่อเสียงมากที่สุดที่เคยเข้ามาเทศนาสั่งสอนธรรมในเขตนี้ก็คือท่านเปมา ลิงปะ (ปีค.ศ.1450-1521) ผู้มีบ้านเกิดอยู่ที่หุบเขาตัง และมีบทบาทสำคัญยิ่งในการเผยแผ่คำสอนของนิกายญิงมาปะออกไป นอกจากนี้ โดร์จี ลิงปะ และเปมา ลิงปะยังมีฐานเป็น "ผู้ค้นพบสมบัติล้ำค่าทางศานา" ด้วย
• หลังเป็นอิสระอยู่ภายใต้การนำของผู้นำทางศาสนาในทอ้งถิ่นมานานหลายศตวรรษ นิกายดรุ๊กปะก็เข้ามาครอบคลุมในบุมทังลงในกลางศตวรรษที่ 17 แต่บุมทังก็ยังคงรักษาสำนึกในอัตลักษณ์ของตนเอาไว้ได้อย่างมั่นคง ภาษาพูดของบุมทังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยแตกแขนงออกมาจากกลุ่มภาษาโบดิชโบราณในตระกูลทิเบต-พม่า อีกต่อหนึ่ง และหยิบยมคำศัพท์จากภาษาทิเบตโบราณมาใช้ไม่น้อย
• ในอดีต หุบเขาต่างในบุมทังเป็นเขตโดดเดี่ยวและค่อนข้างยากจน แต่หลังจากสร้างทางหลวงสายตะวันออก-ตะวันตก แล้ว เศรษฐกิจก็ดีขึ้นผิดตา อีกทั้งการท่องเที่ยว โครงการช่วยเหลือจากสวิตเซอร์แลนด์ เช่นการทดลองปลูกมันฝรั่ง และโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กของอินเดียยังเ้ามากระตุ้นทำให้เศรษฐกิจของบุมทังดีขึ้น
• สถานที่น่าสนใจของเมืองบุมทัง
• วัดกูร์เจ (Kurjey Lankhang) หนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของภูฏาน เพราะคุรุรินโปเซเคยเสด็จมาบำเพ็ญธรรมที่นี่ และทรงทิ้งรอยประทับ (เจ) รูปพระวรกาย (กู) เอาไว้บนผนังหินด้วย
• อารามกูร์เจ ประกอบด้วยโบสถ์ 3 หลัง
• โบสถ์หลังที่ 1 เป็นหลังที่เก่าแก่ที่สุด สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1652 โดย เมนจูร์ เท็นปา (ผู้ว่าการตองสาในขณะนั้น ซึ่งต่อมาได้รับเลือกให้เป็นเจ้าผู้ครองคนที่ 3 ว่ากันว่า ตัวโบสถ์อยู่ตรงบริเวณที่กูรู รินโปเช แสดงอิทธิฤทธิ์บังคับให้เทพผู้พิทักษณ์เมือง (Shelging Karpo) คืนหัวใจแก่พระเจ้าสินธุ
• โบสถ์หลังที่ 2 เพิ่งสร้างในปี ค.ศ. 1900 สร้างขึ้นโดย อุกเยน วังชุก ปฐมกษัตริย์แห่งภูฏานซึ่งเป็นผู้ว่าการตองสาในขณะนั้น โบสถ์หลังนี้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพราะสร้างคร่อมถ้ำที่กูรู รินโปเช และชายาเสด็จมานั่งวิปัสสนากรรมฐานด้วยกัน ถ้ำดังกล่าวถูกปิดตายไม่ให้เข้า ซึ่งหน้าถ้ำเอารูปปั้นของกูรู รินโปเชมากั้นไว้ และเนื่องจากโบสถ์หลังนี้อุทิศถวายแด่กูรู รินโปเชโดยเฉพาะ ตรงแท่นบูชาจึงประดิษฐานรูปปั้นของท่านสูงโดดเด่น ซ้ายขวาเป็นรูปปั้น “Eight Manifestations” อีกทั้งยังมีจิตรกรรมฝาผนังสวยงาม
• โบสถ์หลังที่ 3 สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1991 สร้่างขึ้นโดย พระราชินีอาชิเกซัง ซึ่งได้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ให้สร้างขึ้นพร้อมกับเจดีย์หินองค์เล็กอีก 108 องค์ แล้วเสร็จสมบูรณ์และทำพิธีสมโภชไปในเดือน มิถุนายน ค.ศ. 1990 เจดีย์หินทั้งหมดโอบมณฑลสามมิติขนาดใหญ่เหมืออารามซัมเมในทิเบต
• ส่วนด้านหน้าของวัดมีสถูปเจดีย์อยู่ 3 องค์ สร้างขึ้นเพื่อุทิศถวายแด่กษัตริย์แห่งภูฏาน 3 พระองค์ ซึ่งแต่ละองค์ล้วนเป็นตัวแทนของกษัตริย์แหงราชวงศ์วังชุกที่ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนี้ มีต้นสนไซปรัสต้นหนึ่ง เชื่อกันว่า หลังจากกูรู รินโปเชบังคับให้ Shelging Karpo หรือเทพผู้พิทักษ์เมือง คืนหัวใจแก่พระเจ้าสินธุ ก็นำสิ่งของต่างๆ ที่ใช้ในพิธีไปฝัง ซึ่งได้งอกเงยเป็นสนไซปรัส และยังมีชีวิตมาจนกระทั่งทุกวันนี้ ชาวภูฏานเลยยกให้ไซปรัสเป็นต้นไม้ประจำชาติ
• วัดจัมปา (วัดพระศรีอริยเมตตรัย) วัดจัมปาเป็นวัดแห่งแรกที่พระเจ้าซงเซ็น กัมโปะแห่งทิเบตทรงสร้างขึ้นในภูฏานในช่วงศตวรรษที่ 7 เช่นเดียวกับวัดคิชูในพาโร ถือเป็นหนึ่งใน 108 วัด แห่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นทั่วทิเบตและเขตหิมาลัยเพื่อตรึงร่างนางยักษ์เอาไว้ วัดจัมปาสร้างขึ้นเพื่อตรึงเข่าซ้ายและสะกดพื้นที่บริเวณพรมแดนพอดี
• เมื่อครั้งที่คุรุรินโปเซเสด็จมายังภูฏาน ท่านได้สำแดงฤทธิ์เสด็จขึ้นไปประทับบนหลังคาวัด และเทศนาธรรมโปรดพระเจ้าเสนธกะกับเหล่าข้าราชบริพารจากบนนั้น นอกจากวิหารหลักที่เป็นที่สำหรับประดิษฐานพระเมตไตรยแล้ว ยังมีวิหารเล็กอีกสี่หลังที่สร้างต่อเติมเข้าไปในช่วงศตวรรษครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ทำให้เกิดเป็นลานปิดขึ้นที่หน้าวิหารหลัก
• วิหารหลักได้รับการบูรณะขึ้นเมื่อใดไม่เป็นที่ปรากฎแน่ชัด สันนิษฐานได้ว่าน่าจะเป็นในราวต้นศตวรรษที่ 20 เนื่องจากเป็นวิหารที่เก่าแก่มาก หอบูชาจึงมีระเบียงให้เดินทักษิณาวรรตล้อมอยู่โดยรอบ แท่นบูชาตรงกึ่งกลางประดิษฐานพระเมตไตรยองค์ใหญ่ มีพระโพธิสัตว์ทั้งสี่เผ้าอยู่ ณ เบื้องซ้ายขวา ผนังข้างประตูทางเข้าด้านหนึ่งวาดเป็นภาพพระศรีศากยมุนี อีกด้านเป็นภาพภาคสำแดงทั้งแปดของคุรุรินโปเซ ส่วนผนังข้างแนวระเบี้ยงนั้นเป็นภาพพระพุทธเจ้าพันองค์ ฝั่งขวาขนาบด้วยหอดูกี โคร์โล หรือดูโคร์ (หอบูชากาลจักร) ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวกำแพงฝั่งซ้ายของวัด สร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 19
• กาลจักร หรือวงล้อแห่งชีวิต : ได้ชื่อว่าเป็นมณฑลคำสอนที่ซับซ้อนที่สุดของทางตันตระและเป็นมณฑลคำสอนที่แพร่หลายที่สุดในระยะหลังด้วย ตำนานทางหิมาลัยเล่าว่า มณฑลนี้ได้รับการถ่ายทอดโดยตรงจากพระพุทธองค์ แต่ถูกเก็บเป็นความลับไว้ในเมืองอาฬกะของท้าวชัมภละนานนับร้อยๆ ปี ภายหลังจึงได้ปรากฎขึ้นที่อินเดียในราว ค.ศ. 966 และแพร่มาถึงทิเบตในปี ค.ศ. 1026
• เทพผู้เป็นสัญลักษณ์แทนกาลจักรมีผิวกายเป็นสีน้ำเงินเข้ม มี 32 กร ขาข้างหนึ่งเป็นสีแดง อีกข้างเป็นสีเหลือง ประคองกอดศักติผู้มีกายสีส้มเอาไว้ในอ้อมพระกร หอแห่งนี้ประดิษฐานรูปบูชาของท่านเอาไว้เป็นเทพประธาน แวดล้อมด้วยรูปปั้นของเหล่าบริวารที่มีขนาดย่อมลงมา ภาพจิตรกรรมเป็นภาพมณฑลคำสอนของการ์ลิงซีโตร ประกอบด้วยภาพของท่านเปมา ลิงปะ ในแดนหลังความตายกำลังรอการไปเกิดใหม่ และภาพบรรดาเทพเจ้าในภาคดีกับภาคร้ายตามคำสอนของท่าน
• กงคัง (วิหารเทพเจ้าภาคดุร้าย) : ตั้งอยู่ใกล้กับหอดูโคร์ และไม่เคยเปิดให้คนนอกเข้าชม ส่วนชอร์เต็นฮาคัง (วิหารเจดีย์) นั้น เป็นส่วนต่อเติมจากหอดูโคร์ออกไปตามพระเสาวณีย์ของสมเด็จพระอัยยิกาอาชิวังโม ในพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ปัจจุบันทรงออกบวชเป็นชีในนิกายการ์มาปา
• ทางด้านนอกของตัววัดจัมปานั้น มีการสร้างอาคารขนาดยาวขึ้นในปี ค.ศ. 1999 เพื่อใช้เป็นที่ประชุมสงฆ์ในพิธีสวดมนต์ประจำปี (มันลัมเซ็นมอ) ซึ่งริเริ่มขึ้นในปีนั้นเป็นปีแรก ครั้นถึงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะมีการจัดงานเทศกาลจัมปาฮาคัง (กรับ) ขึ้นหน้าอาคารหลังนี้เป็นประจำทุกปี ส่วนอาคารหลังอื่นๆ นั้นเป็นของที่สร้างขึ้นเพิ่มเข้ามาใหม่ในปี ค.ศ.2005
• วัดลาเมย์ เป็นวัดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินสูง เดิมเป็นทั้งวัดและวังที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดี อูเกน วังชุก ก่อสร้างในสมัยศตวรรษที่ 18 การออกแบบมีลักษณะเป็นพระราชวัง มีแผนผังคล้ายกับวังดิโคลิง ปัจจุบัน วัดนี้ไม่ได้เป็นทั้งวัดและวังแล้ว แต่ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ โดยเป็นสำนักงานโครงการพัฒนาฟื้นฟูสภาพป่าไม้ของภูฏาน
• พระราชวังดิโชลิง (Wangdichholing Palace) สร้างขึ้นกลางคริสต์ศตวาณที่ 19 โดยจิกมี นัมเกล (ว่าราชการตองสาในขณะนั้น) ซึ่งบุตรชายของท่าน นามว่า อุกเยน วังชุก เกิดที่นี่ (ในภายหลังได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรภูฏาน) ปัจจุบัน วังแห่งนี้เป็นสมบัติของเอกชน โดยเจ้าของดัดแปลงให้เป็นที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยว เป็นสถาปัตยกรรมแบบภูฏาน ปลูกต่อกันเป็นครึ่งวงกลม เป็นเรือนแถวชั้นเดียว จำนวน 3 แถว แถวละ 8-10 ห้อง โดยเตาผิงภายในแต่ละห้องพักเป็นเตาผิงแบบโบราณ
       
ภูฏาน ประเทศภูฏาน ดินแดนแห่งมังกรสายฟ้า
• สถานที่ท่องเที่ยวประเทศภูฏาน 
ภูฏาน
• ภูฏาน ประเทศภูฏาน ดินแดนมังกรสายฟ้า ประเทศที่อยู่อ้อมกอดหิมาลัย อยู่ระหว่างประเทศอินเดียกับจีน ภูฏาน ดินแดนที่หลายๆคน ยกให้เป็นดัง"สวรรค์บนพื้นพิภพ"
ราชวงศ์ภูฎาน
• ราชวงศ์ภูฎาน เจ้าชายจิกมี สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "เจ้าชายจิกมี่" กษัตริย์รัชกาลที่ 5 ของภูฏาน
ภูฏาน
• ภูฏาน เที่ยวภูฏาน ผมเดินทางมาถึงเมืองพาโร ก็โชคดีที่เขามีการจัดงานระบำหน้ากาก ซึ่งงานระบำหน้ากากที่พาโรซอง ถือว่าเป็นงานใหญ่งานหนึ่ง
ทาชิโชซอง ทิมพูซอง
• ทาชิโชซอง ทิมพูซอง ทาชิโชซอง เป็นสถาปัตยกรรมภูฏานที่งดงาม เป็นที่ทำการของรัฐบาล ประกอบด้วยคณะสงฆ์ และข้าราชการระดับสูง
ทัวร์ภูฎาน
• ทัวร์ภูฎาน เตรียมตัวเที่ยวภูฏาน ภูฏานเปิดรับนักท่องเที่ยวปีละ 20,000 คน ภูฏานเป็นประเทศเดียวในโลกที่ห้ามไม่ให้ซื้อและขาย สูบบุหรี่ในที่สาธารณะโดยเด็ดขาด
วัดชันกังคา
• วัดชันกังคา เมมโมเรียลชอร์เตน วัดชันกังคาเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในเมืองทิมพู พระลามะทิเบตเป็นผู้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเมืองทิมพู
วัดทักซัง
• วัดทักซัง วัดทักซัง เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของประเทศภูฏาน ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 900 เมตร ชายเขตเมืองพาโร วัดตักซังเป็นสถานที่แสวงบุญที่ชาวภูฏานเลื่อมใสศรัทธากันมากที่สุด
วัดนันนารี สวนสัตว์ภูฏาน
• วัดนันนารี สวนสัตว์ภูฏาน ทาคิน เป็นสัตว์ที่หายาก เพราะมีอยู่ในประเทศภูฏานเพียงแห่งเดียวและอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ มีลักษณะคล้ายวัวผสมแพะตัวใหญ่
ระบำหน้ากากภูฏาน
• ระบำหน้ากากภูฏาน ระบำภูฏานจะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ระบำหน้ากาก ซึ่งเป็นระบำเกี่ยวกับศาสนาและความเชื่อ ส่วนอีกอย่างเป็นระบำเกี่ยวกับเรื่องราววิถีชีวิตของชาวภูฏาน
พูนาคา
• พูนาคา วัดชิมิลาคัง คนภูฏานเชื่อว่าเมื่อพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องคู่ครอง ก็จะมาแสวงบุญที่นี่ เพราะเชื่อว่าวัดชิมิลาคังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
พาโร
• พาโร ประตูสู่ประเทศภูฏาน เมืองพาโรเป็นเมืองที่ตั้งของสนามบินภูฏานซึ่งมีเพียงสนามบินเดียว เครื่องที่จะมาลงจอดได้ก็มีแต่สายการบินดรุ๊กแอร์เพียงสายเดียว
วัดคิชูลาคัง วัดตัมชู
• วัดคิชูลาคัง วัดตัมชู วัดคิชูเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของภูฏาน เป็นโบสถ์โบราณซึ่งพระเจ้าซังเซน กัมโป กษัตริย์ทิเบตทรงสร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 1212
ทิมพู
• ทิมพู เมืองหลวงประเทศภูฏาน ทิมพูหรือในชื่อที่เป็นทางการของภูฏานว่า ตาชิโชซอง เป็นเมืองหลวงของภูฏาน ทิมพูเป็นเมืองที่เจริญที่สุด เป็นแหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง
จุดชมวิวโดชูล่า
• จุดชมวิวโดชูล่า สถูป 108 องค์ สร้างขึ้นเป็นปกป้องคุ้มครองผู้ที่เดินทางผ่านไปมาให้ปลอดภัย รอบๆ บริเวณถูกประดับไปด้วยธงมนต์หลากสีสันเพื่อบูชาเทพแห่งป่าเขา
ปูนาคา
• ปูนาคา ปูนาคาซอง ปูนาคาซอง (Punakha Dzong) เป็นป้อมปราการประจำเมืองปูนาคา สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1637 ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโพและแม่น้ำโม ที่นี่เคยใช้เป็นเมืองหลวงในช่วงฤดูหนาว
• พิพิธภัณฑ์แห่งชาติภูฏาน ตั้งอยู่ในป้อมตาซองที่เป็นหอสังเกตการณ์ในยุคโบราณของพาโรซอง ป้อมตาซองนี้เคยเป็นที่คุมขังอูเก็น วังชุก (ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นปฐมกษัตริย์ภูฏาน)
วังดีซอง
• วังดี วังดีซอง วังดีซอง ตั้งอยู่เหนือจุดบรรจบของแม่น้ำ 2 สายคือแม่น้ำปูนาคาและแม่น้ำดัง เป็นเมืองในอดีตที่สำคัญของประวัติศาสตร์ภูฏาน วังดีโปดรังซองสร้าง ในปี ค.ศ.1638
โรงแรมภูฏาน
• โรงแรมภูฏาน ร้านอาหารภูฏาน ภูฏาน เป็นประเทศที่นิยมบริโภคข้าวเป็นอาหารทุกมื้อ อาหารภูฏานนิยมเน้นข้าวและผักเป็นอาหารหลัก
ภาษาภูฏาน
• ภาษาภูฏาน ภาษาภูฏานหรือภาษาซงคา เป็นภาษาประจำชาติของภูฏาน คูซูซังโป=สวัสดี คัดรินเซ=ขอบคุณ ดรุ๊กยุล=แผ่นดินมังกรสายฟ้า
ของฝากภูฏาน
• ของฝากภูฏาน การแต่งกายภูฏาน รัฐบาลรณรงค์ให้ชาวภูฏานใส่ชุดประจำชาติเป็นชุดประจำวัน ชุดผู้ชาย เรียกว่า “โค” ชุดผู้หญิง เรียกว่า “คีร่า”
• ศาสนาพุทธในภูฏาน พุทธศาสนาตันตรยาน ภูฏานเป็นเพียงประเทศเดียวในโลกที่ยอมรับนับถือพุทธศาสนามหายานแบบตันตระ เป็นศาสนาประจำชาติอย่างเป็นทางการ
สายการบินภูฏาน
• สายการบินภูฏาน สายการบินดรุ๊กแอร์ Drukair การเดินทางไปภูฏาน มีสายการบินเดียวที่บินจากรุงเทพฯ ไปภูฏาน เป็นสายการบินแห่งชาติภูฏาน
• สถานที่ท่องเที่ยวประเทศภูฏาน
• ข้อมูลทั่วไปประเทศภูฏาน
ทัวร์โปรโมชั่น
• โปรแกรมทัวร์อื่นๆ - เช็คที่นั่ง
• โปรแกรมจอยทัวร์
• XIN879-CZ : เส้นทางสายไหม หลานโจว ภูเขาสายรุ้ง จางเย่ ด่านเจียยี่กวน ถ้ำตุนหวง สระน้ำวงพระจันทร์ ถ้ำโมเกาคู ทูรูฟาน ภูเขาหิมะเทียนซาน อูรูมูฉี (CZ)
• ชมความมหัศจรรย์ของ ภูเขาสายรุ้ง Rainbow Mountain กับธรรมชาติที่สรรค์สร้าง
• ชม ถ้ำตุนหวง ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ขี่อูฐกลางทะเลทราย
• เที่ยวชม ภูเขาหิมะเขาเทียนซาน สถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของซินเจียง (มรดกโลก)
• ไม่ลงร้านช้อป - อาหารดี - โรงแรม 5 ดาว – บิน CHINA SOUTHERN AIRLINE นั่งสบาย
• วันที่ 2 – 9 เมษายน, 9 – 16 เมษายน, 30 เมษายน – 7 พฤษภาคม, 9 – 16 พฤษภาคม, 21 – 28 พฤษภาคม 2568
• UQ-879 : เส้นทางสายไหม ภูเขาสายรุ้ง ถ้ำตุนหวง สกีหิมะ Silk Road ลั่วหยาง หลานโจว จางเย่ ด่านเจียยี่กวน ตุนหวง สระน้ำวงพระจันทร์ ถ้ำโมเกาคู อูรูมูฉี (UQ)
• เที่ยวชม เมืองลั่วหยาง หนึ่งในสี่เมืองหลวงเก่าที่ยิ่งใหญ่ของหลายราชวงศ์จีน
• ชมความมหัศจรรย์ของ ภูเขาสายรุ้ง Rainbow Mountain กับธรรมชาติที่สรรค์สร้าง
• ชม ถ้ำตุนหวง ถ้ำหินแกะสลักขนาดใหญ่ที่สุดของจีน ขี่อูฐกลางทะเลทราย
• สนุกสนานกับ สกีหิมะ Silk Road เขาเทียนซาน ลานสกีที่โด่งดังของเมืองอูรูมูฉี
• อาหารดี - โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว – บิน Urumqi Air (UQ) 3 ไฟลท์ เที่ยวแบบไม่เหนื่อย
• วันที่ 14 - 21 มีนาคม 2568 : ราคา 59,995.-บาท
ทัวร์ซีอาน ดอกโบตั๋นบาน
• CGO651-DD : ซีอาน เทศกาลดอกโบตั๋นบาน ลั่วหยาง สุสานทหารดินเผาจิ๋นซี ถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี อุทยานหยุนไถ่ซาน ถ้ำหลงเหมิน เจดีย์ห่านป่าใหญ่ โชว์เส้นทางสายไหม (DD)
• ชม ดอกโบตั๋นบาน เทศกาลดอกโบตั๋นบานเมืองลั่วหยางที่สวยงามที่สุดในประเทศจีน
• ชม สุสานทหารดินเผาจิ๋นซี อันยิ่งใหญ่ และชม ถ้ำผาหลงเหมิน ผาหินแกะสลักมรดกโลก
• ชม ถ้ำน้ำแข็งหมื่นปี คล้ายคริสตัลและชม อุทยานหยุนไถซาน อุทยานสวรรค์ที่สวยงามที่สุด
• ชม โชว์เส้นทางสายไหม โชว์ที่สวยที่สุดของซีอานที่บอกเล่าเรื่องราวเส้นทางการค้าโบราณ
• อาหารดี - โรงแรมที่พักระดับ 5 ดาว – นั่งรถไฟความเร็วสูง (ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ)
• วันที่ 12 - 17 เมษายน 2568
• TG-651 : คุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง แชงกรีล่า วัดซงจ้านหลิง ภูเขาหิมะมังกรหยก สวนดอกไม้ฮอบบิท เมืองโบราณลี่เจียง (TG)
• นั่งรถไฟความเร็วสูง คุนหมิง-แชงกรีล่า เที่ยวสวนดอกไม้ฮอบบิท
• นั่งกระเช้าใหญ่ขึ้นภูเขาหิมะมังกรหยก
• อาหารดี - โรงแรม 5 ดาว – บินการบินไทย - ไม่ลงร้านช้อป
• วันที่ 11 - 16 กุมภาพันธ์, 11 - 16 เมษายน, 12 - 17 เมษายน 2568
ทัวร์หุบเขาเทวดา
• FD659-CSX : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่ หมู่บ้านโบราณหวงหลิง ล่องเรือชมแสงสีอู้วนี่โจว ภูเขาหลิงซาน ไหว้พระใหญ่ตงหลิน เมืองจิ่งเต๋อเจิ้น พิพิธภัณฑ์เซรามิค (FD)
• เที่ยว หมู่บ้านโบราณหวงหลิง นับเป็นหมู่บ้านสวยที่สุดในเมืองอู้หยวน มณฑลเจียงซี
• พักใน หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่ ถ่ายรูปสวยๆแสงสีแสงไฟยามค่ำคืน
• นำท่าน ล่องเรือ ชมแสงสียามค่ำคืนอู้วี่โจว พร้อมชมแลนด์มาร์คแห่งใหม่
• อาหารดี - โรงแรมระดับ 5 ดาว – ไม่ลงร้านช้อป - ไม่ต้องลากกระเป๋าขึ้นรถไฟ
• วันที่ 11 - 16 กุมภาพันธ์, 18 - 23 มีนาคม, 22 - 27 เมษายน 2568
• PU-541 : ภูฏาน พาโร ทิมพู ปูนาคา วัดทักซัง พาโรซอง ทิมพูซอง ปูนาคาซอง ซิมโทกาซอง คิชูลาคัง สวนสัตว์ภูฏาน (KB)
• เที่ยวครบ 3 เมืองหลัก เมืองพาโร เมืองทิมพู เมืองปูนาคา
• อาหารดี - โรงแรมที่พักมาตรฐานรัฐบาล
• วันที่ 29 ธันวาคม - 2 มกราคม 2568
• INDIA877 : อินเดีย เนปาล พุทธคยา ราชคฤห์ กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี ล่องเรือ สารนาท พารานสี (TG)
• เที่ยวครบ 4 สังเวชนียสถาน พุทธคยา กุสินารา ลุมพินี สาวัตถี พาราณสี
• ชม ล่องเรือแม่น้ำคงคา เที่ยวชม วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี
• พักโรงแรม 4 ดาว - มีอาหารไทย - มีพระวิทยากร - บินการบินไทย
• วันที่ 9 - 16 กุมภาพันธ์ 2568
• DEL755-TG : ถ้ำอชันต้า ถ้ำเอลโลร่า ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ท มุมไบ ถ้ำช้ำง วัดพระพิฆเนศ (TG)
• ชม ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า เมืองออรังกาบัด
• ชม ถ้ำช้าง และ วัดพระพิฆเนศเมืองมุมไบ
• เที่ยวชม ทัชมาฮาล และ อัคราฟอร์ท เมืองอัครา
• พักโรงแรม 4 ดาว บินการบินไทยและบินภายใน 2 ไฟลท์
• วันที่ 11 - 17 กุมภาพันธ์ 2568 : ราคา 53,995.-บาท
• Pune636-6E : ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า เมืองออรังกาบัด ชมถ้ำพุทธศิลป์อินเดีย ขอพรพระพิฆเนศ เมืองปูเน่ (6E)
• เที่ยว 2 ถ้ำพุทธศิลป์ ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า
• ไหว้พระพิฆเนศ เมืองปูเน่
• พักโรงแรม 4 ดาว - อาหารดี - บินตรงเมืองปูเน่
• วันที่ 12 – 17 กุมภาพันธ์, 2 – 7 เมษายน 2568 : ราคา 34,995.-บาท
• Pune635-6E : ไหว้พระพิฆเนศ 9 วัด เมืองปูเน่ เมืองต้นกำเนิดพระพิฆเนศ (6E)
• เที่ยว 2 ถ้ำพุทธศิลป์ ถ้ำอชันตา ถ้ำเอลโลร่า
• ไหว้พระพิฆเนศ เมืองปูเน่
• พักโรงแรม 4 ดาว - อาหารดี - บินตรงเมืองปูเน่
• วันที่ 15 – 20 มกราคม, 12 – 17 กุมภาพันธ์, 2 – 7 เมษายน 2568 : ราคา 37,995.-บาท
• DEL864-AI : แคชเมียร์ ดอกทิวลิปบาน ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ด ศรีนาคา พาฮาลแกม Aru Valley สวนชาลิมาร์ กุลมาร์ค โซนามาร์ค ล่องทะเลสาบดาล (AI)
• เที่ยวชม ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชม อัคราฟอร์ท Agra Fort พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์โมกุล
• เที่ยวครบ 4 สถานที่หลัก พาฮาลแกรม, กุลมาร์ค, โซนามาร์ค และ เมืองศรีนาคา
• ชม เทศกาลดอกทิวลิปบาน ปีละครั้ง (เฉพาะเดือนเมษายน)
• อาหารดี - โรงแรมดีระดับ 4-5 ดาว 6 คืน / เดินทางสะดวกสบายโดย Air India (Full-Service)
• วันที่ 6 - 13 เม.ย., 12 - 19 เม.ย., 13 - 20 เมษายน 2568 : ราคา 56,995.-บาท
• DEL189-AI : แคชเมียร์ ดอกทิวลิปบาน ทัชมาฮาล พระราชวังอัคราฟอร์ด ชัยปุระ นครสีชมพู ศรีนาคา พาฮาลแกม Aru Valley สวนชาลิมาร์ กุลมาร์ค โซนามาร์ค ล่องทะเลสาบดาล (AI)
• เที่ยวชม ทัชมาฮาล 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ชม อัคราฟอร์ท Agra Fort พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์โมกุล
• ชม เมืองชัยปุระ นครสีชมพู เมืองแห่งอารยธรรมราชบุตร
• เที่ยวครบ 4 สถานที่หลัก พาฮาลแกรม, กุลมาร์ค, โซนามาร์ค และ เมืองศรีนาคา
• ชม เทศกาลดอกทิวลิปบาน ปีละครั้ง (เฉพาะเดือนเมษายน)
• วันที่ 6 - 15 เมษายน 2568 : ราคา 66,995.-บาท
 
• สอบถามทัวร์เพิ่มเติม
• ID Line Office : @oceansmiletour
• คุณเล็ก โทร.082-3656241   • ID Line : lekocean2
• คุณโจ้ โทร.093-6468915    • ID Line : oceansmile
• รับทำกรุ๊ปเหมา เที่ยวส่วนตัว ดูงาน
• ประเทศจีน (ทุกเมือง) อินเดีย (ทุกเมือง)
• เนปาล ภูฏาน บาหลี ศรีลังกา ลาว กัมพูชา เวียดนาม พม่า
บริษัท โอเชี่ยนสไมล์ทัวร์ จำกัด โทร. 0-2969 3664, 0-2949 5134-36
เลขที่ 23/121 ซอยนวมินทร์ 161 แยก1-4 ถ.นวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230

Hotline 0-936468915, 0-823656241 ใบอนุญาตเลขที่ 11/05028